“รักคือการให้” ทำธุรกิจอย่างไรให้ “ได้ใจ” ผู้ลงทุน

โดย กัญญารัตน์ ทวีศิริธนากุล ฝ่ายพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
27 กุมภาพันธ์ 2567
785 views
Banner Invest now_รักคือการให้_1200x660 px
Highlights

5 กรณีศึกษาของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ใช้ “ESG” นำทาง สร้างการ “ให้” อย่างมีคุณค่าต่อสังคมและตัวธุรกิจ ด้วยการดูแลและพัฒนาสังคมไปพร้อมกับสร้างจุดแข็งที่แตกต่าง เพื่อความสามารถในการแข่งขันและสร้างการยอมรับจากสังคมวงกว้างไปพร้อมกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า ESG (Environmental, Social, and Governance) กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากทั้งในมุมของผู้บริโภค ผู้ลงทุน และภาคธุรกิจ นำไปสู่การปรับแนวทางการทำธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการ “ให้” อย่างมีคุณค่าต่อสังคมและตัวธุรกิจเองโดยใช้ความถนัด ความเชี่ยวชาญ ไปช่วยพัฒนาสังคม โดยเฉพาะในแง่มุมที่เชื่อมโยงกับการทำธุรกิจ ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่เพียงแต่พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนในสังคม ยังช่วยบริหารความเสี่ยงและลดต้นทุนของธุรกิจ ไปพร้อมกับมองหาโอกาสในการเติบโตและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสีย จึงขอนำเสนอตัวอย่างกรณีศึกษาของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมที่มีส่วนช่วยดูแลสังคมด้วยการ “ให้” ในหลายรูปแบบ ดังนี้

1. “ให้ความรู้” ทางการเงินเพื่อเยาวชน

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

_1_5

พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ AFTERKLASS (Link) ให้ความรู้ด้านการเงิน การลงทุน และการเริ่มต้นทำธุรกิจแก่เด็กวัยรุ่นเพื่อฝึกให้รู้จักดูแลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของตนเองได้ผ่าน Klass ใน 3 ระดับ คือ

1) Biz Master สอนเรื่องการทำการค้า การออม การบริหารเงิน และการลงทุน ไปจนถึงเทคนิคการสร้างรายได้
2) Smart Society สอนทักษะการใช้ชีวิตในวัยเรียน ข้อมูลทุนการศึกษาและการวางแผนการเรียนต่อ 
3) Play Yard สอนทักษะทางอาชีพและทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในสังคมในอนาคต

นอกจากนี้ ยังให้ทดลองออมเงินและลงทุนผ่านกองทุนและหุ้นได้แบบเข้าใจง่ายโดยคาดว่า 89% ของผู้ใช้แพลตฟอร์มจะสนใจเลือกใช้บริการของธนาคารในอนาคตรวมทั้งเป็นกระบอกเสียงในการบอกต่อคนรอบข้างเลือกใช้บริการของธนาคารเมื่อมีโอกาส (1)

2. “ให้ช่องทาง” เพื่อ SMEs โตไกลไปด้วยกัน

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

_2_6

มุ่งสนับสนุนให้ SMEs โตไกลไปด้วยกัน ด้วยกลยุทธ์ 3 “ให้”

1) ให้ช่องทางการขายสินค้าในร้าน 7-Eleven และผ่านช่องทางออนไลน์
2) ให้ความรู้ในการพัฒนาสินค้าจนสามารถสร้างรายได้ 
3) ให้เครือข่ายผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในภาครัฐและเอกชน

โดยในปี 2566 สามารถสร้างผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ที่มีศักยภาพได้ 197 ราย (เพิ่มขึ้นจาก 35 รายในปี 2566) ทำให้ 7-Eleven มีผู้ประกอบการ SMEs เป็นคู่ค้า 1,216 รายที่ส่งสินค้าเข้าไปขายถึง 9,763 รายการสินค้า (เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า) ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและกระจายรายได้กลับสู่ชุมชนท้องถิ่นรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท (2)

3. “ให้ความมั่นใจ” ด้วยชุดชั้นในที่ออกแบบเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง

บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน)

3_6

จากปัญหาเสื้อชั้นในและเต้านมเทียมสำหรับผู้ผ่านการผ่าตัดมะเร็งเต้านมที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาสูงมาก อีกทั้งยังผลิตจากซิลิโคนที่ไม่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย บริษัทจึงได้ออกแบบวาโก้ Balancing Bra และเต้านมเทียม ด้วยนวัตกรรมจากการศึกษาวิจัยและพัฒนาร่วมกับคณะแพทย์ พยาบาลและคนไข้ที่มีประสบการณ์ตรงจนได้เป็นผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเต้านมจริง โดยผลิตจากเส้นใยธรรมชาติที่เพิ่มความนุ่มด้วย micro foam และใช้ micro bead ทดแทนน้ำหนักของเต้านมที่หายไป ตัดเย็บแบบซ่อนตะเข็บเพื่อช่วยป้องกันการเสียดสีระคายเคือง ระบายอากาศได้ดี ช่วยปกปิดแผลผ่าตัดได้อย่างแนบเนียน และช่วยแก้ปัญหาอาการปวดคอ ไหล่ และหลัง(3) ในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากสินค้านวัตกรรม เช่น Balancing Bra ประมาณ 199 ล้านบาท คิดเป็น 7.26% ของยอดขายสินค้าสำเร็จรูปในประเทศ (4)

4. “ให้อาชีพ” สร้างรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น

บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

_4

เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์ที่ให้บริการขนส่งและคลังสินค้าต้องใช้แผ่นฟิล์มจำนวนมากในการพันพาเลท เพื่อป้องกันสินค้าชำรุดเสียหาย ตั้งแต่ปี 2562 บริษัทได้ริเริ่มเปลี่ยนมาใช้ผ้าดิบแทนการใช้แผ่นฟิล์มที่มีต้นทุนสูง ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถหาได้ภายในชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับคลังสินค้า ทั้งยังทำให้ลดต้นทุนได้กว่า 100,000 บาทต่อปี และยังช่วยสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่อยู่ในบริเวณคลังสินค้าได้มีอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถนำผ้าดิบกลับมาใช้ซ้ำได้นานกว่า 12 เดือนแทนการใช้แผ่นฟิล์ม จากผลสำเร็จนี้ บริษัทมีแผนจะขยายการใช้ผ้าดิบไปในธุรกิจกลุ่มห้องเย็นที่อยู่ในเครืออีกด้วย (5)

5. “ให้สุขภาพที่ดี” สำหรับทุกคน

บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)

_5

ปัญหาโรคระบาดและปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้ผู้คนใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น บริษัทจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) ภายใต้แบรนด์ Kane’s (เคนส์) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน และโรคน้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น (6) ด้วยเทคโนโลยีที่เน้นการรักษาสารโพลีฟีนอลที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

จากตัวอย่างกรณีศึกษาดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจได้นำเรื่อง “ESG” มาต่อยอดด้วยการ “ให้” ที่สร้างคุณค่าต่อทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับการปรับและพัฒนาสิ่งใหม่เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

SET-ESG-ESG_Academy-Sustainability-______________________________________________________________ESG___________________

ท่านสามารถค้นหาข้อมูล SET ESG Ratings (Website) และความรู้ด้าน ESG เพิ่มเติมได้ที่: SET ESG Academy (Website) (Line)

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

อ้างอิง:

  1. https://www.kasikornbank.com/th/sustainabledevelopment/project/Pages/AFTERKLASS.aspx
  2. https://workpointtoday.com/20240215/
  3. https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9610000110854 
  4. https://corporate.wacoal.co.th/ir/ir_download_th.php 
  5. https://www.scgjwd.com/sustainability/society/community-involvement-development
  6. https://www.bangkokbiznews.com/corporate-moves/news/corporate-moves/1074109

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง: