ไม่ต้องมีเงินล้าน ก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้

โดย SET
5 Min Read
3 มกราคม 2567
10.427k views
ไม่ต้องมีเงินล้าน ก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอสังหาฯได้
In Focus

รู้หรือไม่ ยุคนี้ไม่จำเป็นต้องมีเงินล้าน ก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้แล้ว เพราะปัจจุบันเรามีทางเลือกในการลงทุนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงง่ายขึ้น เช่น กองทุนรวมอสังหาฯ ที่เราสามารถลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนไม่ต้องเยอะ การลงทุนในกองทุนอสังหาฯ ก็เปรียบเสมือนเราเป็นเจ้าของสังหาฯ นั่นเอง ศึกษารายละเอียดกันในบทความนี้กันเลยครับ

รู้หรือไม่ ยุคนี้ไม่จำเป็นต้องมีเงินล้าน ก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอสังหาฯ ​ได้แล้ว

 

เพราะปัจจุบันเรามีทางเลือกในการลงทุนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงง่ายขึ้น เช่น กองทุนรวมอสังหาฯ ที่เราสามารถลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนไม่ต้องเยอะ การลงทุนในกองทุนอสังหาฯ ก็เปรียบเสมือนเราเป็นเจ้าของสังหาฯ นั่นเอง  

 

โดยกองทุนประเภทนี้จะเปลี่ยนจากเงิน “ค่าเช่า” กลับมาให้เราในรูปแบบของ “เงินปันผล” นอกจากนี้ อสังหาฯ ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถขึ้นราคาค่าเช่าได้ตาม “อัตราเงินเฟ้อ” ได้อีกด้วย หากเราย้อนไปดูอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ในดัชนีกลุ่ม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (PF&REIT)

เฉลี่ยอยู่ที่ 7.25% (ข้อมูลจาก SETSMART ณ วันที่ 22 ธ.ค. 66) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ นอกจากนี้การลงทุนในกองทุนอสังหาฯ ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนซื้อขายได้ง่าย

 

และเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกองทุนอสังหาฯ มากขึ้น วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับกองทุนรวมอสังหาฯ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ

 

1. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ (Real Estate Investment Trust: REIT)

 

เป็นกองทุนที่เกิดขึ้น เพื่อมาแทนที่กองทุนรวมอสังหาฯ (Property Fund) ปรับปรุงเงื่อนไขให้ดีขึ้น โดยจะนำเงินจากนักลงทุนไปลงทุนในอสังหาฯ ประเภทต่าง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะมีผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT manager) มาคอยบริหารจัดการในด้านการดูแลทรัพย์สินให้

 

ขณะเดียวกันก็จะมี ทรัสตี (Trustee) ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของนักลงทุน มาคอยกำกับและดูแลผู้จัดการกองทรัสต์ในด้านการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักลงทุนนั่นเอง 

 

2. กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF)

 

เป็นกองที่ได้นำเงินจากนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ  เช่น  ถนน ทางด่วน สนามบิน ประปา ไฟฟ้า เป็นต้น

 

โดยความพิเศษของกองทุนประเภทนี้ คือ นักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา จะได้รับการยกเว้นภาษีจากเงินปันผลเป็นระยะเวลา 10 ปี

 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งเรื่องที่ควรรู้ในการลงทุนกองทุนรวมอสังหาฯ ก็คือ เรื่องกรรมสิทธิ์ของกองทุนนั้น ๆ  ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 กรณี ดังนี้

 

- ลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold)

 

กองทุนจะได้กรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของอสังหาฯ ไปจนกว่ากองทุนจะขายสินทรัพย์นั้น ๆ ออกไป ซึ่งจะมีรายได้โดยตรงจากค่าเช่า และนำมาจ่ายให้แก่ผู้ลงทุนในรูปแบบของเงินปันผล

 

- ลงทุนในสิทธิ์การเช่าอสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) 

 

กองทุนจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของการเช่าอสังหาฯ นั้น ๆ ในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น หรือหากเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การเซ้งนั่นเอง นั่นเท่ากับว่าหากระยะเวลาสิ้นสุดลงแล้ว ก็อาจจะทำให้กองทุนมีมูลค่าลดลงด้วย

 

- ลงทุนแบบผสม (Mixed Freehold and Leasehold)

 

มีการลงทุนแบบผสมระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์ และสิทธิ์การเช่าอสังหาฯ

 

จะเห็นได้ว่ากองทุนอสังหาฯ มีความแตกต่างกันทั้งรูปแบบของประเภทและกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ ด้วย ดังนั้น ในฐานะนักลงทุนแบบเรา ควรพิจารณารายละเอียดดังกล่าวให้ครอบคลุม เพื่อให้ได้กองทุนรวมอสังหาฯ ที่ตรงตามความต้องการ รวมถึงควรดูเรื่องของอัตราผลตอบแทน และความเสี่ยงร่วมด้วย

 

สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเป็นเจ้าของอสังหาฯ ผ่านกองทุนรวมอสังหาฯ

ด้วยแอป Streaming Fund+ ที่สามารถซื้อ ขาย สับเปลี่ยน ดูรายละเอียดกองทุนรวมต่าง ๆ และสร้างแผนการลงทุนของตัวเองได้ภายในแอปเดียว โดยที่ไม่ต้องรอมีเงินล้าน ก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้


เพียงดาวน์โหลดแอป Streaming Fund+ แล้วเลือกเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการ หลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว ก็สามารถซื้อขายกองทุนได้เลย

สามารถโหลดแอป Streaming Fund+

iOS: https://bit.ly/3Dcih3R

Google Play: https://bit.ly/3d4EG8v

หรือหาข้อมูลกองทุนรวมเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.settrade.com/th/mutualfund/overview

แท็กที่เกี่ยวข้อง: