โอกาสลงทุนใน ฮ่องกงและญี่ปุ่นมาถึงแล้ว ด้วย DR ตัวใหม่ ในตลาดหุ้นไทย

โดย SET
5 Min Read
5 มกราคม 2567
6.512k views
04-โอกาสลงทุนในฮ่องกงและญี่ปุ่นมาถึงแล้ว ด้วย DR ตัวใหม่ในตลาดหุ้นไทย_211223-01
In Focus

พร้อมเทรดวันนี้ ลงทุนใน 3 กองทุนใหญ่ในฮ่องกงและญี่ปุ่น เทรดง่ายผ่าน Streaming เพียงพิมพ์ชื่อย่อ HK13, HKTECH13, JAPAN13 ศึกษาข้อมูลในบทความด้านล่างได้เลย

สัญชาตญาณของนักลงทุน มักจะมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดในภูมิภาคเอเชียก็มีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นทำให้ผู้ลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการลงทุนที่น่าติดตาม

 

สำหรับใครที่สนใจจะลงทุนในภูมิภาคเอเชียตอนนี้ก็มีทางเลือกการลงทุนที่สะดวกมากขึ้นสามารถลงทุนได้ผ่านตลาดหุ้นไทยเลย นั่นก็คือ DR หรือตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ

 

และล่าสุดก็ได้มี DR น้องใหม่ที่กำลังจะเข้ามาซื้อขาย 3 สไตล์ที่แตกต่างกัน โดยจะเน้นลงทุนในกองทุนใหญ่ตลาดหุ้นเอเชียที่ลงทุนในบริษัทชั้นนำ แล้วจะมีอะไรบ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน!

 

  1. HK13

HK13 คือ ดัชนีหุ้นฮ่องกง ที่อ้างอิงกับ Tracker Fund of Hong Kong (2800.HK) หรือ Tracker Fund ซึ่งเป็น ETF ที่ลงทุนอยู่ในดัชนี Hang Seng ซึ่งสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นฮ่องกงได้เป็นอย่างดี แถมดัชนีนี้จะรวมหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาด และมีสภาพคล่องสูงในตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย 

 

โดย Tracker Fund มีการจดทะเบียนซื้อขายใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีการบริหารสินทรัพย์มากกว่า 5 แสนล้านบาทในปี 2566

 

และบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ใน 5 อันดับแรก ก็ถือเป็นสินค้าและบริการที่เราอาจเคยผ่านตามาบ้าง หรือเคยใช้อยู่ในชีวิตประจำวันกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น…

 

- HSBC HOLDINGS (ลงทุนในสัดส่วน 8.48%)

สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในเกาะฮ่องกง ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2408  มีการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และลาตินอเมริกา 

 

- TENCENT HOLDINGS (ลงทุนในสัดส่วน 8.12%)

บริษัทเทคโนโลยีของจีน ที่มีธุรกิจครอบคลุมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกมออนไลน์ แพลตฟอร์มการชำระเงิน โซเชียลมีเดีย สตรีมมิงต่าง ๆ ซึ่งมียอดผู้ใช้งานทั้งในประเทศจีน และประเทศอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก 

 

- ALIBABA GROUP HOLDING (ลงทุนในสัดส่วน 7.95%)

บริษัทที่มีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่เป็นอันดับ 1 ของจีนอย่าง Taobao, Tmall และยังมีธุรกิจด้านคลาวด์ อีคอมเมิร์ซในต่างประเทศ บริการขนส่ง รวมไปถึงธุรกิจสื่อบันเทิงต่าง ๆ ด้วย

 

- AIA GROUP (ลงทุนในสัดส่วน 7.30%)

หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการประกัน โดยมีบริการทั้งเรื่องประกันภัย ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ และประกันประเภทต่าง ๆ ทั้งยังถือว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทยอีกด้วย

 

-  MEITUAN (ลงทุนในสัดส่วน 4.70%)

ธุรกิจ Food Delivery รายใหญ่ที่สุดของจีน รวมไปถึงยังมีแพลตฟอร์มการจองร้านอาหาร โรงแรม ที่ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของคนจีนเลยทีเดียว

 

สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ HK13

  • สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: TRACKER FUND OF HONG KONG (2800.HK)
  • อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 20 DR
  • ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
  • มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
  • มี Hang Seng Investment Management Limited เป็นผู้จัดการกองทุน
  • การจ่ายปันผลในอดีต (ปี 2563 - 2566) : 2 ครั้ง
  • ราคา HK13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 4.78 บาท, ราคาต่ำสุด 3.66 บาท
  • ราคา HK13 (โดยประมาณ)**: 3.79 บาท

 

  1. HKTECH13

อีกหนึ่งดัชนีที่น่าสนใจ เพราะมีการไปลงทุนใน Hang Seng TECH Index ETF (3032.HK) ซึ่งได้ไปจดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่จะเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่ง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี Hang Seng TECH

 

โดยดัชนี Hang Seng TECH สามารถสะท้อนภาพรวมของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้มาจากเทคโนโลยี ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทชั้นนำที่กระจายไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ, กลุ่มสินค้าสุขภาพ, กลุ่มสินค้าการเงิน, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่ม Healthcare

 

สำหรับตัวอย่าง 5 บริษัทชั้นนำที่อยู่ในดัชนี Hang Seng TECH ได้แก่

 

- XIAOMI CORP (ลงทุนในสัดส่วน 8.72%)

บริษัทเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีเพียงแค่สมาร์ตโฟนเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน และครอบคลุมกลุ่มคนทุกไลฟ์สไตล์อีกด้วย เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องชั่งน้ำหนัก

 

- TENCENT HOLDINGS (ลงทุนในสัดส่วน 8.33%)

มีธุรกิจหลากหลาย โดยจะมีทั้งแอปพลิเคชันแชต เกมออนไลน์ บริการธุรกรรมทางด้านการเงิน รวมถึงสตรีมมิงชื่อดังต่าง ๆ ถือว่าเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่ชาวจีนนิยมใช้กันมาก

 

- KUAISHOU TECHNOLOGY 8.3%

เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมคอนเทนต์วิดีโอสั้น และการไลฟ์สตรีมมิง จนถูกเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งของ TikTok เพราะมีผู้ใช้งานจำนวนมาก และยังได้รับความนิยมจากคนในจีนอีกด้วย

 

- JD.COM INC 8.26%

เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรชั้นนำของจีน โดยให้บริการลูกค้าที่ใช้งานอยู่มากกว่า 580 ล้านราย เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอุตสาหกรรม การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน รองรับจำนวนคำสั่งซื้อขายหลายล้านรายการผ่านเครือข่ายทั่วประเทศของจีน

 

- ALIBABA GROUP HOLDING 6.94%

เจ้าแห่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีน ที่มีธุรกิจอยู่ในเครือมากมาย ตั้งแต่กลุ่มคลาวด์ โลจิสติกส์ บริการในท้องถิ่น รวมถึงสื่อดิจิทัล และสื่อบันเทิง

 

สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ HKTECH13

  • สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: HANG SENG TECH INDEX ETF (3032.HK)
  • มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
  • อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 5 DR
  • ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
  • มี Hang Seng Investment Management Limited เป็นผู้จัดการกองทุน
  • การจ่ายปันผลในอดีต (ปี 2563 - 2566) : ไม่มี
  • ราคา HKTECH13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 4.09 บาท, ราคาต่ำสุด 3.13 บาท
  • ราคา HKTECH13 (โดยประมาณ)**: 3.36 บาท

 

  1. JAPAN13

ถือเป็น DR ตัวแรกของประเทศไทยที่ไปลงทุนในตลาดหุ้นของญี่ปุ่น โดยจะมีการอ้างอิงกับกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160.HK) ที่จดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง 

 

โดยกองทุนตัวนี้จะอ้างอิงไปกับ MSCI Japan 100% Hedged to USD Index ที่จะสร้างผลตอบแทนไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น

 

พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเยนไปเป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินเยน และหากได้กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ก็จะมีการนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนใหม่ในช่วงสิ้นเดือนต่อไป

 

สำหรับตัวอย่าง 5 บริษัทที่ไปลงทุน จะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ และมีการเติบโต ประกอบไปด้วย

 

- TOYOTA MOTOR CORP (ลงทุนในสัดส่วน 5.64%)

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกจากญี่ปุ่น มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และมีกำลังการผลิตที่แข็งแกร่ง รวมถึงยังมียอดขาย และจำนวนการผลิตเป็นอันดับ 1 ในไทย

 

- SONY CORP (ลงทุนในสัดส่วน 3.44%)

บริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันก็มีการขยายไปยังธุรกิจเกม และธุรกิจด้านการเงินที่กำลังมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

- MITSUBISHI UFJ FINANCIAL (ลงทุนในสัดส่วน 2.82%)

กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีเครือข่ายกว่า 2,300 แห่ง และยังกระจายไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก

 

- KEYENCE CORP (ลงทุนในสัดส่วน 2.48%)

บริษัทจากญี่ปุ่น มีความโดดเด่นในด้านการผลิตระบบเซนเซอร์ และระบบอัตโนมัติสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำต่าง ๆ

 

- TOKYO ELECTRON (ลงทุนในสัดส่วน 2.34%)

ผู้นำด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่น พร้อมทั้งมีโรงงานผลิตกระจายไปยังหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น

 

สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ JAPAN13 

  • สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160.HK)
  • อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 25 DR
  • ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
  • มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
  • มี China Asset Management (Hong Kong) Limitedเป็นผู้จัดการกองทุน
  • การจ่ายปันผลในอดีต (ปี 2563 - 2566) : 2 ครั้ง
  • ราคา JAPAN13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 3.23 บาท, ราคาต่ำสุด 2.22 บาท
  • ราคา JAPAN13 (โดยประมาณ)**: 3.05 บาท

 

*คำนวณจากราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดของ DR ตัวนั้นๆ ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2565 – 15 ธ.ค. 2566 คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน THB/HKD ณ วันนั้น และหารด้วยอัตราแปลงสภาพ

 

**เป็นเพียงการประมาณราคาจากราคา DR ตัวนั้นๆ (ณ วันที่ 15 ธ.ค. 2566) คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 4.4742 THB/HKD และหารด้วยอัตราแปลงสภาพ โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและดูข้อมูลที่มีการปรับปรุงล่าสุดได้ที่ www.thaiwarrant.com

 

ทั้งหมดนี้ ก็คือความน่าสนใจของ DR ทั้ง 3 ตัว ที่เป็นโอกาสใหม่แก่ผู้ที่สนใจกระจายการลงทุนให้ครอบคลุมผ่านบริษัทชั้นนำมากมายในเอเชียที่มากขึ้น 

 

- HK13 พร้อมเทรด 3 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

- HKTECH13 และ JAPAN13 พร้อมเทรด 5 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

 

ใครที่สนใจก็สามารถลงทุน DR ได้แล้ว ผ่าน Streaming 

เพียงแค่พิมพ์ชื่อย่อของแต่ละหลักทรัพย์ได้เลย!

 

👉 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DR:

 

1. www.setinvestnow.com/th/dr 

2. www.thaiwarrant.com/dr/articles-details-225

3. www.thaiwarrant.com/dr/search/dr13

แท็กที่เกี่ยวข้อง: