“Gateway to China” หรือ “ประตูสู่ประเทศจีน” เป็นฉายาที่ใช้อธิบายถึงตลาดหุ้นฮ่องกงได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีบริษัทจีนชั้นนำมากมายที่เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น บริษัท Alibaba, Tencent, BYD, Xiaomi หรือ Ping An เป็นต้น
การจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงไม่ใช่เพียงแค่เป็นการเพิ่มโอกาสในการระดมทุนให้สำเร็จ แต่ยังเป็นการช่วยให้บริษัทจีนเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับต่างประเทศได้มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงได้สะดวกกว่าตลาดหุ้นจีนบนแผ่นดินใหญ่ หลายบริษัทจีนยักษ์ใหญ่จึงนิยมที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
โดยในแง่ของการลงทุน นักลงทุนก็สามารถลงทุนในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงได้ผ่านดัชนี Hang Seng China Enterprises ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ดัชนีเรือธงของตลาดหุ้นฮ่องกงพร้อมกับอีก 2 ดัชนีที่เหลือ ได้แก่ ดัชนี Hang Seng และดัชนี Hang Seng TECH
ดัชนี Hang Seng China Enterprises จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 โดยบริษัท Hang Seng Indexes เป็นดัชนีที่ใช้สะท้อนภาพรวมของบริษัทจีนชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง จำนวน 50 ตัว เช่น บริษัท Alibaba, Tencent, Meituan, BYD, China Mobile, JD หรือ Ping An เป็นต้น ซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงกว่าดัชนี Hang Seng ที่รวบรวมทั้งบริษัทจีนและฮ่องกงที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง จำนวน 82 ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ดัชนี Hang Seng China Enterprises มีพัฒนาการที่ดีขึ้นตลอดช่วงเกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มแรกดัชนีประกอบด้วยหุ้น H-share เพียงอย่างเดียว คือ บริษัทจีนที่ทำธุรกิจในจีนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ดัชนีได้มีการเพิ่มหุ้นประเภท Red Chip (บริษัทจีนที่ทำธุรกิจนอกประเทศจีน ซึ่งถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีน และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง) และ P Chip (บริษัทจีนที่ทำธุรกิจนอกประเทศจีน แต่ไม่ได้เป็นของรัฐบาลจีน และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง) เข้าไปด้วย ทำให้ดัชนีสามารถสะท้อนภาพรวมบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงได้ทั่วถึงมากขึ้น
นอกจากนี้ เดิมทีดัชนี Hang Seng China Enterprises ประกอบด้วยหุ้น Old Economy เป็นหลัก เช่น กลุ่มการเงินและพลังงาน มากกว่า 70% ของดัชนี แต่ปัจจุบันมีน้ำหนักเหลือประมาณ 30% และมีน้ำหนักของหุ้น New Economy เช่น กลุ่มเทคโนโลยีและการแพทย์เพิ่มขึ้นเป็น 40% ของดัชนี (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566) ทำให้ดัชนีมีอุตสาหกรรมที่กระจายตัวมากขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของกำไรในภาพรวมของดัชนีในระยะยาว รวมถึงดัชนีได้มีการปรับใช้กลไก Fast Entry ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เพื่อให้สามารถเพิ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเข้าดัชนีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนสามารถคว้าโอกาสการลงทุนใหม่ได้อย่างทันท่วงที
การลงทุนอ้างอิงดัชนี Hang Seng China Enterprises จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนอ้างอิงภาพรวมบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตตามทิศทางของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้สะดวกและมีประสิทธิภาพผ่าน DR (Depositary Receipts) หรือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ออก DR (ณ ที่นี้ คือ บล.บัวหลวง) จะเป็นคนไปซื้อ ETF ที่อ้างอิงดัชนี Hang Seng China Enterprises Index แล้วนำมาเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกต่อหนึ่ง ซึ่งมีข้อดี คือ
โดย DR ของดัชนี Hang Seng China Enterprises Index ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีชื่อย่อในการซื้อขายคือ “HKCE01” ซึ่งมีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng China Enterprises Index ETF (2828.HK) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ลงทุนอ้างอิงดัชนี Hang Seng China Enterprises โดยมีอัตราอ้างอิงที่ 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 15 DR ซึ่งหาก Hang Seng China Enterprises Index ETF ราคาอยู่ที่ 61.18 ฮ่องกงดอลลาร์ และอัตราแลกเปลี่ยน HKD/THB อยู่ที่ 4.54 บาท ต่อ 1 ฮ่องกงดอลลาร์ แปลว่า เมื่อแปลงเป็นเงินบาทราคา Hang Seng China Enterprises Index ETF จะอยู่ที่ราว 277.76 บาท ต่อ 1 หุ้น แต่เมื่อแปลงเป็น DR ด้วยอัตราส่วน 1:15 แล้ว ราคา DR “HKCE01” จะอยู่ที่ประมาณ 18.50 ทำให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากราคาของ DR “HKCE01” จะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับราคา Hang Seng China Enterprises Index ETF ในระยะยาว ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนใน HKCE01 คือ ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดทำการพร้อมกัน คือ เวลา 10:00 – 11:00 น. และ 12:00 – 15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย |
นักลงทุนที่สนใจ ลงทุนใน DR “HKCE01” สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> คลิกที่นี่
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจ เรียนรู้และทำความเข้าใจการลงทุน DR ตลอดจนกลไกการเคลื่อนไหวของราคา วิธีการซื้อขาย และกลยุทธ์การลงทุน DR สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุน DR ฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่