ลงทุนในอาณาจักรแบรนด์หรูระดับโลก LVMH

โดย รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง
3 Min Read
1 ธันวาคม 2566
13.141k views
TSI_Article_536_Inv_ลงทุนในอาณาจักรแบรนด์หรูระดับโลก LVMH_Thumbnail
Highlights
  • LVMH บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหรู ครอบคลุมสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า เครื่องหนัง เครื่องประดับ นาฬิกา น้ำหอม เป็นต้น โดยครอบครองแบรนด์หรูชั้นนำของโลกกว่า 75 แบรนด์ เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, Celine ฯลฯ

  • สินค้าของ LVMH มักมีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ส่งผลให้บริษัทมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าสูง สามารถขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยได้ปีละประมาณ 2 - 5% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงประมาณ 70%

  • นักลงทุนไทย ที่สนใจลงทุนหุ้น LVMH ไม่ต้องไปซื้อโดยตรงที่ตลาด Euronext Paris ประเทศฝรั่งเศส แต่สามารถซื้อได้แล้วผ่านตลาดหุ้นไทย เพียงมีบัญชีซื้อขายหุ้น ซื้อขายเป็นเงินบาท ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming

สินค้าแบรนด์หรูเป็นธุรกิจที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีศักยภาพในการแข่งขันสูง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ยังไม่มีธุรกิจที่แข็งแกร่งระดับโลกในลักษณะนี้ให้ลงทุนได้ในตลาดหุ้นไทย โดยสินค้าแบรนด์หรูมักเป็นกลุ่มที่ยอดขายมีแนวโน้มเติบโตสม่ำเสมอตามความมั่งคั่งของประชากรชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว ทั้งยังเป็นตลาดที่คู่แข่งหน้าใหม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้ยาก (High Barrier to Entry) เนื่องจากต้องใช้เวลานานจนกว่าจะสามารถปั้นแบรนด์ให้มีคุณค่าและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคให้ยอมจ่ายเงินหลักแสนหรืออาจจะหลักล้านเพื่อครอบครองกระเป๋าเพียงหนึ่งใบ เช่น แบรนด์ Louis Vuitton ที่ก่อตั้งมานานเกือบ 170 ปี ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของบริษัท LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton SE อาณาจักรสินค้าหรูอันดับ 1 ของโลก

 

บริษัท LVMH เกิดจากการควบรวมกันระหว่างแบรนด์เครื่องหนัง Louis Vuitton (LV) แบรนด์แชมเปญ Moët & Chandon (M) และแบรนด์คอนญักหรือบรั่นดี Hennessy (H) เมื่อปี 2530 โดยเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ที่ปัจจุบันขึ้นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในยุโรป และเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในโลก

 

การที่ LVMH ขึ้นเป็นผู้นำตลาดสินค้าแบรนด์หรู ส่วนหนึ่งมาจากการซื้อกิจการแบรนด์หรูระดับโลก ทำให้เป็นผู้ครอบครองอาณาจักรแบรนด์หรูกว่า 75 แบรนด์ เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, Givenchy และ Tiffany & Co. ครอบคลุมสินค้าหลากหลายตั้งแต่แฟชั่น เครื่องหนัง นาฬิกา เครื่องประดับ รวมถึงไวน์ และแชมเปญ เป็นต้น

 

อีกหนึ่งจุดแข็งของ LVMH คือ การเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในวงการแฟชั่นและเครื่องประดับ มีการใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดีในการสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคอยู่ตลอด ทำให้สินค้าของบริษัทมักมีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ​ ส่งผลให้บริษัทมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าที่สูงมาก โดยสามารถขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยได้ปีละประมาณ 2 - 5% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงราว 70% (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566)

 

หากเทียบกับคู่แข่งหลักที่เน้นทำแบรนด์เดียวอย่าง Hermès พบว่า LVMH ถือว่ามีความได้เปรียบในแง่ความหลากหลายของสินค้า รวมถึงมีสัดส่วนยอดขายที่กระจายไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ทำให้กำไรเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ โดยหากย้อนไปในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เมื่อปี 2563 ถึงแม้กำไรจะลดลงประมาณ 30% แต่ก็สามารถฟื้นกลับมาโตได้เกือบ 3 เท่าในปีถัดมา สะท้อนว่าความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้หายไปแต่อย่างใด เพียงแค่ไม่สามารถเดินทางไปซื้อสินค้าได้เท่านั้น (Pending Demand) และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผู้บริโภคก็กลับมาซื้อสินค้าเช่นเดิม

 

นอกจากนี้ ด้วยกลยุทธ์ของ LVMH ที่เน้นควบรวมกิจการแบรนด์หรูรายอื่น ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสินค้าหรูทั่วโลกที่ราว 59% ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง KERING (เจ้าของแบรนด์ GUCCI, BOTTEGA VENETA, BALENCIAGA เป็นต้น) ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 15% และอันดับ 3 Tapestry (เจ้าของแบรนด์ COACH, KATE SPADE เป็นต้น) ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 9% (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566) จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า LVMH เป็นบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง และยังเป็นผู้นำตลาดสินค้าแบรนด์หรูของโลกที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน

 

จากการเติบโตอย่างน่าสนใจทำให้หุ้น LVMH เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยหากนักลงทุนไทยสนใจ สามารถลงทุนหุ้นตัวนี้ผ่าน DR (Depositary Receipts) หรือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ออก DR (ณ ที่นี้ คือ บล.บัวหลวง) จะเป็นคนไปซื้อหุ้น LVMH แล้วนำมาเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกต่อหนึ่ง ซึ่งมีข้อดี คือ

 

  • ลงทุนง่ายผ่านแอป Streaming ที่ใช้ซื้อหุ้นไทย เพียงแจ้งความประสงค์เพื่อซื้อขาย DR กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ
  • เงินน้อยก็เป็นเจ้าของหุ้นระดับโลกได้ แถมยังเลือกส่งคำสั่งเป็นจำนวนบาทได้
  • รับสิทธิประโยชน์เสมือนซื้อหุ้นต่างประเทศนั้นโดยตรง เช่น เงินปันผล
  • ติดตามความเคลื่อนไหวได้สะดวก ซื้อขายตามเวลาตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่หลักทรัพย์อ้างอิงจดทะเบียนอยู่

 

โดย DR ของหุ้น LVMH ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีชื่อย่อในการซื้อขายคือ LVMH01” ซึ่งมีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นหุ้นสามัญ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton SE (MC) ที่จดทะเบียนในตลาด Euronext Paris ในประเทศฝรั่งเศส โดยมีอัตราอ้างอิงที่ 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 1,600 DR ซึ่งหากหุ้น LVMH (ตัวย่อ MC) ราคาอยู่ที่ 707 ยูโร และอัตราแลกเปลี่ยน EUR/THB อยู่ที่ 38.75 หมายถึงแปลงเป็นเงินบาทราคาหุ้น LVMH จะอยู่ที่ราว 27,396 บาท ต่อ 1 หุ้น แต่เมื่อแปลงเป็น DR ด้วยอัตรา 1:1,600 ราคา “LVMH01” จะอยู่ที่ประมาณ 17.10 บาท ทำให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศได้ง่ายขึ้น


เนื่องจากราคา LVMH01 จะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับราคาหุ้น LVMH ในระยะยาว ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนใน LVMH01 คือ ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและตลาด Euronext Paris เปิดทำการพร้อมกัน คือ เวลา 15:00 – 16:30 น. ตามเวลาประเทศไทย และช่วง Daylight Saving Time หรือวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม จะเป็นเวลา 14:00 – 16:30 น.) เพราะเป็นช่วงที่ Market Maker สามารถดูแลสภาพคล่องได้ดีกว่าช่วงเวลาอื่น


นักลงทุนที่สนใจ ลงทุนใน DR “LVMH01” สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> คลิกที่นี่

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจ เรียนรู้และทำความเข้าใจการลงทุน DR ตลอดจนกลไกการเคลื่อนไหวของราคา วิธีการซื้อขาย และกลยุทธ์การลงทุน DR สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุน DR ฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: