ยืมหุ้น ขายชอร์ต สร้างผลตอบแทนในตลาดขาลง

โดย รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง
4 Min Read
6 กันยายน 2566
13.567k views
TSI_Article_515_Inv_ยืมหุ้น ขายชอร์ต สร้างผลตอบแทนในตลาดขาลง_Thumbnail
Highlights

ธุรกรรม SBL โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขอยืมหุ้นจากผู้ให้ยืม เพื่อนำหุ้นให้กับผู้ขอยืมหุ้น โดยฝั่งผู้ให้ยืมหุ้นก็จะได้รับค่าธรรมเนียมจากการให้ยืมหุ้นเป็นผลตอบแทนส่วนเพิ่ม เช่นเดียวกันฝั่งผู้ยืมหุ้น เมื่อยืมหุ้นได้ก็นำไปขายชอร์ต เพื่อทำกำไรในช่วงตลาดเป็นขาลงได้ SBL เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและยังเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นด้วย

หากพูดถึงคำว่า “การขายชอร์ต” นักลงทุนอาจนึกถึงว่าเป็นเรื่องเดียวกับ “การทุบหุ้น” ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง ดังนั้น มาทำความรู้จักการขายชอร์ตให้มากขึ้น และค้นหาความจริงว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงจริงหรือไม่ รวมถึงบทบาทและเสน่ห์ของการขายชอร์ตเป็นอย่างไร

 

ธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending) หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า SBL คือ ธุรกรรมที่โบรกเกอร์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางหรือคู่สัญญาให้กับทั้งผู้ยืมหุ้น (Borrower) และผู้ให้ยืมหุ้น (Lender) เพื่อให้เกิดธุรกรรมการยืมและให้ยืมหุ้น

 

โดยผู้ให้ยืมหุ้นอาจเป็นนักลงทุนระยะยาวและต้องการผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (นอกเหนือจากส่วนต่างราคาหุ้นและเงินปันผล) ก็จะนำหุ้นที่ตัวเองถือครองอยู่มาให้ยืม ขณะที่ผู้ยืมหุ้นซึ่งคาดว่าราคาหุ้นที่ยืมมีแนวโน้มปรับลดลง แต่ไม่มีหุ้นดังกล่าวถืออยู่ก็จะยืมมาเพื่อขายชอร์ต (ขายล่วงหน้า)

 

ในอดีต ธุรกรรม SBL ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากภาพลักษณ์ในสายตาของนักลงทุนทั่วไป มองว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง ซึ่งเป็นภาพจำที่ถูกบอกต่อกันมาและถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายสำหรับตลาดหุ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วหากย้อนไปดูข้อมูลการขายชอร์ตในอดีต กลับไม่เป็นเหมือนที่ถูกกล่าวหา

TSI_Article_515_Inv_ยืมหุ้น ขายชอร์ต สร้างผลตอบแทนในตลาดขาลง_01

จากกราฟ พบว่ามูลค่าการขายชอร์ตตั้งปี 2555 – 2561 ค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่เฉลี่ยราว 2 แสนล้านบาทต่อปี ถัดจากนั้นก็เริ่มเห็นการเติบโตของธุรกรรมขายชอร์ต โดยเฉพาะในปี 2564 และ 2565 มูลค่าการขายชอร์ต เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนอยู่ที่ระดับ 1.4 ล้านล้านบาท และ 1.7 ล้านล้านบาท ตามลำดับ

 

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) กลับไม่ได้ปรับลดลงตามมูลค่าการขายชอร์ตที่เพิ่มขึ้น สะท้อนได้ว่าธุรกรรมขายชอร์ตไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการปรับลดลงของตลาดหุ้นไทย จึงไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลง อย่างที่เข้าใจผิดกันมาโดยตลอด

 

นอกจากนี้ การขายชอร์ตไม่ใช่ว่าฝั่งที่ยืมหุ้นมาแล้วต้องการจะโยนขายฝั่งซื้อ (Bid) ก็ทำได้เลย เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกฎระเบียบในการขายชอร์ต (Zero Plus Tick Rule) หมายความว่า การขายชอร์ตจะสามารถทำได้โดยที่ราคาขายไม่ต่ำกว่าราคาล่าสุด เช่น ถ้าราคาล่าสุดอยู่ที่ฝั่ง Bid ก็จะสามารถขายชอร์ตได้ที่ราคา Bid แต่ถ้าราคาล่าสุดอยู่ที่ฝั่ง Offer จะต้องตั้งขายที่ราคา Offer

 

ตัวอย่าง เช่น สมมติหุ้น XYZ ราคาฝั่ง Bid อยู่ที่ 35 บาท ราคาฝั่ง Offer อยู่ที่ 35.25 บาท และราคาล่าสุดอยู่ที่ 35.25 บาท จะสามารถตั้งขายชอร์ตได้ที่ราคา 35.25 บาท ไม่สามารถขายชอร์ตที่ราคา 35 บาท ได้

 

เสน่ห์สำหรับผู้ให้ยืม

  • สร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Passive Income)
ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้น แบ่งออกเป็น 2 ทาง คือ กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gains) และเงินปันผล (Dividend Yield) แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ที่ลงทุนระยะยาวยังสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากหุ้นที่ถือ ด้วยการทำธุรกรรม SBL โดยนำหุ้นที่ถือครองมาให้ยืม เมื่อหุ้นถูกจับคู่ยืม ผู้ให้ยืมจะได้รับค่าธรรมเนียมการให้ยืมเป็นผลตอบแทนส่วนเพิ่ม รวมทั้งยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากหุ้นที่ให้ยืมเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผลหรือสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน เป็นต้น อีกทั้ง ยังสามารถขายหุ้นที่ให้ยืมนั้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ผู้ยืมทำการคืนหุ้นก่อน
 
ตัวอย่าง นาย ก. ซื้อหุ้น XYZ วันที่ 1 มกราคม 2566 จำนวน 10,000 หุ้น ที่ราคา 160 บาท และขายหุ้นออกในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ราคา 166 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการซื้อขาย) เมื่อคำนวณผลตอบแทนจะได้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น (166 – 160) x 10,000 = 60,000 บาท คิดเป็น 3.75%
 
หากนาย ก. นำหุ้น XYZ มาให้ยืมและหุ้นถูกจับคู่ยืม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2566 จะได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม โดยสมมติได้รับค่าธรรมเนียมการให้ยืม 3.20% ต่อปี ราคาปิดเฉลี่ยหุ้น XYZ เท่ากับ 163 บาท และถูกยืมเป็นเวลา 364 วัน
 
ดังนั้น จะได้รับค่าธรรมเนียมเท่ากับ (3.20% x 1,630,000) x (364/365) = 52,017 บาท
(หัก) ภาษี ณ ที่จ่าย 15% = 7,803 บาท
จะได้รับค่าธรรมเนียมสุทธิประมาณ = 44,214 บาท
ทำให้ได้ผลตอบแทนรวม = 60,000 + 44,214 = 104,214 บาท คิดเป็น 6.50%
หมายความว่า หากนาย ก. นำหุ้น XYZ มาให้ยืม จะทำให้ผลตอบแทนเพิ่มเป็น 6.50%

 

  • ต่อยอดธุรกรรมอื่น ๆ
ในปัจจุบันโบรกเกอร์ต่างสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสและขจัดข้อจำกัดในการลงทุน เช่น ธุรกรรม Block Trade ที่สร้างมาเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของ Single Stock Futures หรือจะเป็นการออก Derivative Warrant (DW) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเก็งกำไร โดยกระบวนการ Short Block Trade โบรกเกอร์จะเข้าไปเป็นคู่สัญญากับนักลงทุน ดังนั้น ในกรณีที่ราคาหุ้นปรับลดลง ทำให้โบรกเกอร์ขาดทุนจากการถือ Position ใน Futures จึงจำเป็นต้องหาหุ้นอ้างอิงมาขายชอร์ต รวมถึงการออก Put DW ด้วย ซึ่งหากพิจารณาการขายชอร์ต พบว่าไม่ได้มีเป้าประสงค์เพื่อต้องการหากำไรจากการปรับลดลงของราคาหุ้นแต่อย่างใด แต่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จึงเห็นได้ว่าถ้าขาดการให้ยืมหุ้นจากธุรกรรม SBL จะส่งผลให้ธุรกรรมดังกล่าวข้างต้นไม่สามารถต่อยอดไปได้เลย

 

เสน่ห์สำหรับผู้ยืม

  • เพิ่มโอกาสทำกำไรตลาดขาลง
ในโลกแห่งการลงทุนที่ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เมื่อราคาปรับตัวขึ้นได้ ราคาหุ้นก็ปรับตัวลงได้เช่นกัน และในช่วงตลาดเป็นขาลง นักลงทุนอาจมีโอกาสขาดทุน ทำให้การทำกำไรจากการลงทุนมักเกิดขึ้นในมิติเดียว คือ ซื้อแล้วรอให้ราคาหุ้นปรับขึ้น ดังนั้น จึงมีการเกิดขึ้นของธุรกรรม SBL ซึ่งถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ทำกำไรในภาวะตลาดที่เป็นขาลง โดยผู้ที่ไม่มีหุ้นแต่ประเมินว่าราคาจะปรับลดลง ก็สามารถยืมหุ้นมาเพื่อขายชอร์ตและซื้อคืนเมื่อราคาปรับลดลงตามที่ประเมินเอาไว้
 
ตัวอย่าง นาย ข. ประเมินแนวโน้มคาดว่าราคาหุ้น ABC จะปรับลดลง โดยที่ราคาตลาด ณ ขณะนั้น เท่ากับ 34 บาท จึงทำการยืมหุ้น ABC จำนวน 100,000 หุ้น มาขายชอร์ต (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการซื้อขาย) ซึ่งการจะขายชอร์ตได้จะต้องวางเงินหลักประกัน 150% ของมูลค่าที่ยืม โดย 50% แรกต้องวางเป็นเงินสดก่อนยืมหุ้นเท่ากับ 50% x (100,000 x 34) = 1,700,000 บาท
 
หลังจากนั้นนำหุ้นที่ยืมมาขายชอร์ตที่ราคา 34 บาท ได้รับเงิน (100,000 x 34) = 3,400,000 บาท เข้ามาในพอร์ตโดยที่เงินจากการขายหุ้นนี้จะถูกนำเข้าเป็นหลักประกันด้วยเช่นกัน
 
อีก 31 วันต่อมาราคาหุ้น ABC ปรับตัวลงเหลือ 32 บาท และนาย ข. ต้องการทำกำไร จึงได้ซื้อหุ้น ABC ที่ราคา32 บาท เพื่อคืนให้แก่ผู้ให้ยืม สมมติค่าธรรมเนียมการยืม 5.31% ต่อปี ราคาเฉลี่ยหุ้น ABC ในช่วง 30 วัน ที่ผ่านมาเท่ากับ 33 บาท หมายความว่าใช้เงินในการซื้อหุ้นคืน = (100,000 x 32) = 3,200,000 บาท จ่ายค่าธรรมเนียมการยืม 5.31% ต่อปี (ยังไม่รวม VAT 7%) จำนวน 30 วัน เท่ากับ (5.31% x 3,300,000) x (30/365) = 14,402 บาท (รวม VAT 7% = 1,008 บาท) รวมจ่ายค่าธรรมเนียมสุทธิ = 15,410 บาท ได้กำไรสุทธิ = 3,400,000 – (3,200,000 + 15,410) = 184,590 บาท
 

จากตัวอย่าง ถึงแม้ราคาหุ้นจะปรับลดลง นักลงทุนก็ยังสามารถใช้ธุรกรรม SBL เพื่อทำกำไรได้เช่นกัน นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบระหว่างการขายชอร์ตกับการ Short Block Trade พบว่ามีบางจุดที่แตกต่างกันบ้าง แม้ว่าทั้ง 2 ธุรกรรมจะมีความเกี่ยวเนื่องและคล้ายกัน ดังนี้

TSI_Article_515_Inv_ยืมหุ้น ขายชอร์ต สร้างผลตอบแทนในตลาดขาลง_02
  • สร้างกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย

ธุรกรรม SBL มีส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่เพิ่มขึ้น เช่น Pair Trade ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนจะทำการซื้อหุ้นตัวหนึ่ง พร้อมกับขายชอร์ตหุ้นอีกตัวหนึ่ง โดยที่หุ้นทั้งสองจะต้องมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันสูง เช่น การทำ Pair Trade ระหว่างหุ้นตัวที่ 1 กับหุ้นตัวที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน และมีค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) สูง โดยหากประเมินว่าหุ้นตัวที่ 1 จะ Outperform (ราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง มีโอกาสปรับขึ้น) เมื่อเทียบกับหุ้นตัวที่ 2 นักลงทุนจะทำการซื้อหุ้นตัวที่ 1 พร้อมกับขายชอร์ตหุ้นตัวที่ 2 ด้วยมูลค่าที่เท่ากัน หมายความว่า หากไม่สามารถยืมหุ้นมาขายชอร์ตได้ ก็จะไม่สามารถใช้กลยุทธ์ดังกล่าวได้

 

โดยสรุป ธุรกรรม SBL จึงไม่ได้เป็นสาเหตุของการทำให้ราคาหุ้นปรับลดลง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประโยชน์ทำให้ผู้ให้ยืมหุ้นสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับพอร์ตลงทุน รวมทั้งผู้ยืมหุ้นก็มีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการทำกำไรจากภาวะตลาดขาลงอีกด้วย

 

ผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลธุรกรรม SBL สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่โบรกเกอร์ที่นักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้วิธีการอ่าน Bid-Offer เทรดง่าย ๆ ได้กำไร ข้อสังเกตเบื้องต้น พร้อมข้อควรระวัง และเทคนิคในการดู Bid-Offer เพื่อหาจังหวะซื้อขายอย่างมั่นใจ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร Bid & Offer Strategy” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: