ในเวลาที่นักลงทุนกำลังหาหนทางโยกเงินหรือลดสัดส่วนเงินลงทุนจากแหล่งเดิมที่อาจจะกำลังอยู่ในช่วงผลตอบแทน
ผันผวน มีความไม่มั่นคง ไปพักในแหล่งที่ปลอดภัยขึ้น ซึ่งสิ่งที่หลายคนสงสัยก็คือ เงินก้อนที่จะเอาออกมานั้น จะเอาไปไว้ที่ไหนดี? ที่จะให้ “ผลตอบแทนเหมาะสม” และ “เงินต้นไม่หาย”
ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่าปัจจุบัน “แหล่งพักเงิน” ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้เร็วมีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ
แหล่งพักเงินทั้งหมดเหล่านี้มีสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและใช้ความระมัดระวังที่แตกต่างกัน ดังนี้
หากเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เมื่อขายออกจะได้รับเงินสดในวันทำการถัดไป (T+1) ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะกลาง บางกองทุนอาจจะต้องรอ 2 วันทำการ (T+2) หรืออาจมีข้อจำกัดตามแต่ที่กองทุนนั้นๆ ระบุไว้
เนื่องจากผู้จัดการกองทุนมักจะลงทุนในตราสารหนี้ (หุ้นกู้, พันธบัตร) ที่ซื้อขายในตลาดรอง ซึ่งจำเป็นต้องมีการแสดงราคาตลาดให้เป็นปัจจุบัน (Mark to Market) ตามราคาที่มีการซื้อขายในตลาดในแต่ละวัน ทำให้มีโอกาสที่ NAV จะลดลงหากราคาตราสารหนี้ลดลง จากสาเหตุต่างๆ ดังนี้
อัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ ณ สิ้นวัน อาจปรับตัวลดลงจนทำให้นักลงทุนมีโอกาสขาดทุนหรือได้ผลตอบแทนลดลง ในขณะที่การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์มีโอกาสได้ดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น
ถึงแม้ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ในระดับ “คงที่” แต่ด้วยแรงกดดันจากภายนอกและแนวโน้มเงินเฟ้อที่ค่อยๆ ปรับตัวขึ้น ทำให้ในอนาคตข้างหน้า ประเทศไทยก็มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะอยู่ในขาขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ทางเลือกที่น่าสนใจ คือการฝากเงินออมทรัพย์ดอกเบี้ยพิเศษ หรือฝากประจำระยะไม่เกิน 1 ปี มากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น
การพักเงินในแหล่งที่ปลอดภัยไม่มีคำตอบใดเป็นคำตอบสุดท้ายแบบตายตัว เพราะแต่ละช่วงเวลา แต่ละสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ส่งผลกระทบต่อแหล่งพักเงินต่างๆ ต่างกันออกไป ดังนั้น สำคัญที่สุดก็คือ นักลงทุนควรจะเข้าใจหลักการเพื่อใช้เปรียบเทียบและลงทุนให้เหมาะสมที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเรื่องทางเลือกการลงทุนต่างๆ เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถศึกษาได้ที่ e-Learning หลักสูตร “ครบเครื่องเรื่องลงทุน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่