การเดินทางของ Nvidia จากการ์ดจอสู่ 1 Trillion Dollar Club

โดย ธีรภัทร เมธานุเคราะห์ นักวิเคราะห์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง
4 Min Read
17 กรกฎาคม 2566
5.815k views
TSI_Article_501_Inv_การเดินทางของ Nvidia จากการ์ดจอสู่ 1 Trillion Dollar Club_Thumbnail
Highlights
  • Nvidia ผู้ผลิตชิป GPU รายหลักของโลก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า การ์ดจอ ในธุรกิจเกม โดยการ์ดจอนี้ยังถูกนำไปใช้งานในหลายอุตสาหกรรม ทำให้ Nvidia ขยายธุรกิจไปสู่ยานยนต์ และ AI รวมถึง GPU ที่ใช้ประมวลผลของ ChatGPT และ AI ของผู้ให้บริการรายอื่น ๆ

  • Nvidia มีผลิตภัณฑ์ที่กระจายไปในหลายอุตสาหกรรมที่เป็น Megatrend ทำให้ความเสี่ยงในแง่ของการกระจุกตัวของรายได้อาจอยู่ในระดับต่ำ และคาดการณ์ว่ารายได้และผลกำไรยังมีโอกาสเติบโต

  • นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้น Nvidia ได้แล้วผ่านตลาดหุ้นไทย ด้วย DRx ซึ่งเป็นทางเลือกในการลงทุนใหม่ที่ยืดหยุ่น เพราะมีเงินน้อยก็ลงทุนได้ ส่งคำสั่งเป็นเงินบาท ซื้อขายได้ตามเวลาตลาดหุ้นสหรัฐฯ และลงทุนง่ายด้วยแอปพลิเคชัน Streaming

1 Trillion Dollar Club คือ กลุ่มบริษัทชั้นนำของโลกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) เกิน 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มักจะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ทำให้ค่อนข้างที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดทุนและเศรษฐกิจโลก โดยเมื่อไม่นานมานี้มีบริษัทแห่งหนึ่งที่เพิ่งได้เข้าร่วมกลุ่มดังกล่าว นั่นคือ Nvidia ซึ่งปัจจุบันจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) สหรัฐอเมริกา โดยราคาหุ้นในปัจจุบัน (ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2023) ของ Nvidia อยู่ที่ 422.09 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ แต่ราคาวันนี้เมื่อปี 2018 อยู่ที่ 58.93 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบเท่ากับการโตขึ้น 7 เท่าในเวลา 5 ปี ด้วยเหตุนี้ Nvidia จึงกลายเป็นบริษัทแห่งที่ 6 ของโลกตามหลังบริษัท Apple, Microsoft, Saudi Aramco, Alphabet และ Amazon ที่ได้เข้าร่วมกลุ่ม 1 Trillion Dollar Club โดยในบทความนี้ผู้เขียนจะพานักลงทุนทุกท่านมาทำความรู้จักกับบริษัทนี้กันครับ

 

Nvidia ทำธุรกิจอะไร ? ทำไม Market Cap. ถึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ?

Nvidia เริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตชิปในหน่วยประมวลผลทางด้านกราฟิก (Graphic Processing Units - GPUs) หรือเรียกสั้น ๆ ว่าการ์ดจอ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่หากติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ก็จะทำให้ผู้เล่นเกมสัมผัสถึงความสวยงามและการเคลื่อนไหวที่สมจริงของตัวละครในเกม อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการ์ดจอไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแค่ในอุตสาหกรรมเกมเท่านั้น แต่ยังถูกใช้งานไปในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ไร้คนขับ หรือ AI เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Nvidia ที่เน้นการผลิตการ์ดจอจนปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 84% ทิ้งห่างอันดับสองและสามอย่าง AMD และ Intel ที่ 12% และ 4% ตามลำดับ ทั้งนี้หากอ้างอิงจากงบการเงินปี 2022 (กุมภาพันธ์ 2022 – มกราคม 2023) จะสามารถแบ่งประเภทการใช้งานของ GPUs ได้ดังนี้

TSI_Article_501_Inv_การเดินทางของ Nvidia_01
1. Data Center (56%)

รายได้จากการผลิตชิปสำหรับการประมวลผลของศูนย์ข้อมูลสำหรับบริการ เช่น Microsoft Office รวมไปถึงชิปประมวลผลการทำงานของ AI เช่น Machine Learning และ Deep Learning เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงชิปที่ใช้ในอุตสาหกรรม Cloud Computing อีกด้วย

 

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Nvidia ได้เข้าร่วมกลุ่ม 1 Trillion Dollar Club ในช่วงที่ผ่านมานั้น มาจากธุรกิจในส่วนนี้ เนื่องจากการมาของ Generative AI อย่าง ChatGPT ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งทั่วโลกกระโดดเข้ามาทำธุรกิจในส่วนนี้ เช่น Bard AI ของ Google, Ernie Bot ของ Baidu และอื่น ๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการใช้งานของชิปในธุรกิจ Data Center มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยหากอิงจากงบการเงินของบริษัทในปี 2019 Nvidia มีรายได้จากธุรกิจ Data Center เพียง 2,983 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 27% ของรายได้รวม ขณะที่ปี 2022 บริษัทมีรายได้ในส่วนนี้อยู่ที่ 15,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นส่วนรายได้ 56% และคิดเป็นการเติบโตถึง 5 เท่าภายในเวลา 4 ปี

 

เกร็ดความรู้ : การ์ดจอเกี่ยวข้องกับ AI อย่างไร ?

การ์ดจอ หรือ Graphic Processing Unit (GPU) จะเข้ามาช่วยเสริมการทำงานของ Central Processing Unit (CPU) หรือหน่วยประมวลผลกลางในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเดิมที CPU จะใช้ในการคำนวณ การประมวลผล รวมทั้งด้านกราฟฟิก ทำให้ CPU ต้องรับภาระหนัก ดังนั้น GPU จึงถูกออกแบบมาเพื่อแบ่งเบาภาระของ CPU โดยเฉพาะการประมวลผลด้านกราฟิก ซึ่งจะช่วยทำให้เพิ่มความสามารถของ CPU จากเดิมไปได้ถึง 10 เท่า ตรงนี้เองที่ GPU เข้ามามีส่วนใน AI เพราะในการคิดค้นและพัฒนา AI จำเป็นต้องมีข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลหรือที่เรียกกันว่า Big Data มาประมวลผลพร้อมกันอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ GPU เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น

 

2. Gaming (34%)

รายได้ส่วนนี้มาจากการ์ดจอที่ไว้ใช้สำหรับการเล่นเกม ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้การประมวลผลภาพมีความสวยงามและสมจริงมากยิ่งขึ้น โดย Nvidia ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการ์ดจอเกมด้วยส่วนแบ่งการตลาด 84% เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์ที่เน้นการผลิตการ์ดจอโดยเฉพาะ ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์กลายไปเป็นที่จดจำของหมู่คนเล่นเกม อีกทั้ง Nvidia ยังมีการจับมือกับผู้ผลิตเกมคอนโซลรายใหญ่หลายราย เช่น Sony (PlayStation), Nintendo และ Microsoft (Xbox) เป็นต้น ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Gaming ของบริษัท

 

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การ์ดจอของ Nvidia สามารถครองอันดับ 1 ในส่วนแบ่งการตลาดคือ การ์ดจอของ Nvidia มีเทคโนโลยีการปรับภาพให้คมชัดมากยิ่งขึ้นด้วย AI ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีชื่อเรียกว่า Deep Learning Super Sampling (DLSS) โดย AI ตัวนี้จะช่วยสร้างเฟรมบนวิดีโอเกม ด้วยการทำนายล่วงหน้าและเร็นเดอร์ภาพที่จะแสดงบนหน้าจอ แทนการใช้การประมวลผลแบบเดิมที่ต้องใช้ชิปประสิทธิภาพสูง ซึ่ง Nvidia เผยว่าเทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ราว 2 – 3 เท่า

 

นอกจากนี้ การ์ดจอในบางรุ่นยังมีความสามารถในการประมวลผลเพื่อใช้ขุดคริปโทเคอร์เรนซีอีกด้วย โดย Nvidia ก็มีการพัฒนาการ์ดจอที่ไว้ใช้สำหรับนำไปขุดคริปโทเคอร์เรนซีโดยเฉพาะ เรียกว่า Cryptocurrency Mining Processor ซึ่งก็รวมอยู่ในส่วนธุรกิจนี้ด้วย

 

3. Professional Visualization (6%)

รายได้ในส่วนนี้มาจากการผลิตชิปที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การเรนเดอร์และประมวลผลข้อมูลให้ออกมากลายเป็นภาพหรือวิดีโอที่เข้าใจง่าย เช่น การจำลองภาพ 3 มิติ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ไว้ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก

 

4. Automotive (3%)

รายได้จากการผลิตชิปสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดยมี Nvidia DRIVE เป็นผลิตภัณฑ์หลัก ซึ่งบริษัทกล่าวว่าชิปดังกล่าวจะช่วยประมวลผลข้อมูลเซนเซอร์ให้กับรถยนต์ได้แบบเรียลไทม์ และช่วยระบุตำแหน่งสิ่งของรอบรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ

 

นักลงทุนจะเห็นได้ว่า Nvidia มีความสามารถในการปรับตัวและมีผลิตภัณฑ์ที่กระจายไปในหลายอุตสาหกรรมที่เป็น Megatrend อยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น AI, Cloud, รถยนต์ EV หรือ Gaming & eSports เป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ ดังนั้น ความเสี่ยงในแง่ของการกระจุกตัวของรายได้ Nvidia จึงอาจยังอยู่ในระดับต่ำ

TSI_Article_501_Inv_การเดินทางของ Nvidia_02

รายได้และกำไรของ Nvidia ในช่วงปี 2021 – 2022 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการใช้งานการ์ดจอในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ขณะที่คาดการณ์จาก Bloomberg Consensus เผยว่ารายได้ในปีการเงิน 2024 และ 2025 จะเติบโต 58.2% YoY และ 26.9 %YoY ตามลำดับ หลังความต้องการในอุตสาหกรรม AI เพิ่มขึ้น โดยสิ่งที่น่าสนใจคือ การประกาศผลกำไรในไตรมาสล่าสุด (F1Q23) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ Nvidia จะรายงานรายได้หดตัว 13% YoY สู่ 8.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แต่ถือว่าน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อีกทั้งบริษัทยังเผยคาดการณ์รายได้ไตรมาสถัดไป (F2Q23) จะโตราว 64% YoY สู่ 11 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ถึง 50% เนื่องจาก CEO เผยว่าชิปในธุรกิจ Data Center มีความต้องการเข้ามาเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Data Center ในอนาคต

 

โอกาสลงทุนหุ้น Nvidia ผ่านตลาดหุ้นไทย

ปัจจุบัน นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ผ่านการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ซื้อขายบนกระดานตลาดหุ้นไทย เช่น DRx (Fractional DR) ซึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ออก DRx จะเป็นคนไปซื้อหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศ แล้วนำมาเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกต่อหนึ่ง ซึ่งผู้ถือ DRx จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เสมือนลงทุนหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศโดยตรง

 

ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศของบริษัท เอ็นวิเดีย คอร์ปอเรชั่น (NVIDIA Corporation) หรือ DRx ของหุ้น Nvidia มีสัญลักษณ์ซื้อขาย คือ NVDA80X เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้น Nvidia ได้บนกระดานตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ต้องยุ่งยากในการไปลงทุนหุ้น Nvidia ในต่างประเทศโดยตรง มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ เนื่องจาก DRx สามารถลงทุนขั้นต่ำโดยเริ่มต้นที่ 0.0001 หน่วยเท่านั้น และสามารถเลือกซื้อขายเป็นจำนวนเงินบาท หรือ จำนวนหน่วยของ DRx ก็ได้

 

นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อขายตามเวลาทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะเปิดซื้อขายในเวลา 2 ทุ่มถึงตี 4 ของวันถัดไป ทำให้การเคลื่อนไหวของราคา DRx จะสอดคล้องกับหุ้น Nvidia ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) สหรัฐอเมริกา โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย DRx ได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน Streaming เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น เพียงแค่เปิดบัญชี DRx ซึ่งเป็นบัญชีย่อยภายใต้บัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มเติม หรือนักลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่แล้วสามารถขอเปิดบัญชี DRx ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน Streaming ได้

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน หลักการเลือกลงทุน และวิธีการลงทุน DRx ในต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “DRx ลงทุนไซซ์เล็ก เพื่อโอกาสใหญ่ในตลาดโลก” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: