ข้อจำกัดที่สำคัญในการไปสู่อิสรภาพทางการเงิน คือ การที่เราไม่สามารถทำให้เงินของเราโตและสร้างรายได้ให้กับเราได้ในขณะที่เราหลับหรือขณะที่เราไม่ทำงาน (ย้ำอีกครั้งไม่ได้หมายความว่ามีอิสรภาพทางการเงินแล้วหยุดทำงานนะครับ) และการที่เราจะทำให้เงินของเราโตได้นั้นมี 2 ทาง คือ
แต่หากอายุยืนกว่านั้นเงินต่อเดือนที่ใช้ได้ก็จะน้อยลงตามลำดับ และที่สำคัญคือการเก็บเงินให้ได้เดือนละ 5 พันบาท ยากพอควรเมื่อเปรียบเทียบระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายของคนไทยส่วนใหญ่ ดังนั้นเราจึงต้องมีทางที่ 2
ทำไมปริมาณเงินเก็บตอนเกษียณช่างแตกต่างกันขนาดนี้เมื่อผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ได้ขึ้นเป็นขั้นบันไดธรรมดา แต่เป็นการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดหรือที่เรียกว่าการเพิ่มขึ้นแบบ Exponential และนี่คือพลังของดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนทบต้นนั่นเอง ดังที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เคยกล่าวไว้ว่า “ดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่มีพลังมากที่สุด” หรือแม้กระทั่งวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก กล่าวว่า “ความมั่งคั่งของเขาเกิดขึ้นจากการที่เขาเกิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มียีนที่ทำให้อายุยืน และที่สำคัญคือพลังของดอกเบี้ยทบต้น”
อย่างไรก็ตาม แม้ทุกคนจะทราบว่าพลังของดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนทบต้นนั้นมีพลังมาก แต่หากไม่รู้ว่าใช้งานอย่างไร ก็เหมือนมีโทรศัพท์รุ่น Flagship แต่ใช้งานเหมือนรุ่นดั้งเดิม ดังนั้น การรู้ว่าคืออะไรกับรู้ว่าใช้อย่างไรต่างกันนะครับ พลังของดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนทบต้นนั้นจะแสดงพลังได้ก็ต่อเมื่อ...
“พลังของดอกเบี้ยทบต้นจะเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องมีวินัย และรอเวลาให้มันแสดงพลัง”
ความแตกต่างระหว่างเงินกับสินทรัพย์ลงทุน
ผมเขียนมาถึงตรงนี้ หากใครสังเกตจริง ๆ จะพบว่า ผมพูดสลับกันไปมาระหว่างคำว่า “เงิน” กับ “สินทรัพย์ลงทุน” ความแตกต่างกันไม่มีอะไรมากครับ เงิน คือ เงินสดที่ใช้เป็นตัวแทนหรือสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน ไม่ว่าเงินนั้นจะอยู่ในรูปแบบของเหรียญ กระดาษ หรือดิจิทัลก็ตาม แต่เราจะเปลี่ยนจากเงินเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ก็เพียงแค่นำเงินนั้นมาซื้อสินทรัพย์ลงทุนเท่านั้นเอง แล้วอะไรละคือสินทรัพย์ลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนให้เรา สินทรัพย์ลงทุนในความหมายของผมคือ สินทรัพย์ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดรับได้ตลอดอายุที่เราถือครอง และราคาของสินทรัพย์นั้น ๆ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาวควบคู่ไปด้วย แต่ก่อนที่ผมจะอธิบายว่ามีสินทรัพย์อะไรบ้าง ผมอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมผมถึงเรียกสินทรัพย์เหล่านี้ว่าสินทรัพย์ลงทุน
ระบบการเคลื่อนย้ายเงินตามโครงสร้างเศรษฐกิจโดยทั่วไป คือ การย้ายเงินจากภาคประชาชนผู้มีเงินส่วนเกินหรือเงินออมไปสู่ภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ที่ต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการเคลื่อนย้ายเงินทุนนั้นส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีตัวกลางเพื่อดูแลให้ภาคประชาชนได้รับผลตอบแทนอย่างถูกต้องและยุติธรรมตามสิทธิที่พึงได้รับ
โดยหากเงินจากภาคประชาชนผ่านไปทางธนาคารพาณิชย์จะไปในรูปของเงินฝากหรือนำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้เอกชน จากนั้นธนาคารจะนำเงินที่ได้จากภาคประชาชนไปให้หรือปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจหรือภาครัฐ เพื่อลงทุนต่อไป โดยภาคประชาชนจะได้กระแสเงินรับเป็นดอกเบี้ย ในขณะที่อีกทางหนึ่งภาคประชาชนนำเงินมาผ่านตลาดหุ้นและบริษัทหลักทรัพย์ โดยนำเงินมาซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น และบริษัทหลักทรัพย์จะนำเงินเหล่านี้ผ่านต่อไปให้ภาคธุรกิจใช้ในการทำธุรกิจ โดยภาคประชาชนจะได้รับเงินปันผล จากกำไรของกิจการเป็นผลตอบแทนไม่ได้รับเป็นรูปดอกเบี้ยเหมือนนำเงินมาผ่านทางธนาคาร เพราะการซื้อหุ้น ผู้ซื้อจะมีฐานะเป็นเจ้าของ ขณะที่การซื้อหุ้นกู้ ตราสารหนี้ ผู้ซื้อจะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งได้รับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน
ทั้งนี้ผมเรียกพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน และหุ้น เป็นสินทรัพย์ลงทุน เพราะเงินที่เรานำไปฝาก เงินที่เราไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้เอกชน หรือนำเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น เงินเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ส่งมอบต่อให้กับภาคธุรกิจหรือภาครัฐ “เพื่อลงทุน”
ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำ เงินดิจิทัล นาฬิกา พระเครื่อง รูปภาพ ไวน์ หรือของสะสมอื่น ๆ ผมมองเป็นสินทรัพย์ทางเลือกมากกว่าสินทรัพย์ลงทุน ด้วยเหตุผลหลัก ๆ เหตุผลเดียวคือ สินทรัพย์เหล่านี้ไม่ได้สร้างกระแสเงินรับให้กับเรา จะได้ผลตอบแทนก็ต่อเมื่อสินทรัพย์เหล่านี้ราคาปรับขึ้นเท่านั้น แต่ผมไม่ได้ปฏิเสธที่จะลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้นะครับ เพียงแต่ผมจะลงทุนในสัดส่วนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ลงทุนหลัก
มาถึงตรงนี้ ทุกท่านคงทราบความสำคัญของการลงทุนและพลังของดอกเบี้ยทบต้น แต่แน่นอนการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นเรื่องเรียบง่าย หากเราเข้าใจและมีความรู้ในสินทรัพย์ที่เราจะนำเงินเข้าไปลงทุน รวมถึงมีวินัยและอดทนมากพอ ซึ่งในตอนหน้าเราจะมาเริ่มเรียนรู้วิธีการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ กันครับ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้ทางเลือกการลงทุนประเภทต่าง ๆ รวมถึงผลตอบแทน ความเสี่ยง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดทุนอย่างมั่นใจ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ครบเครื่องเรื่องลงทุน” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่