มูลค่าตามบัญชี (Book Value) คือ มูลค่าของสินทรัพย์สุทธิตามงบดุลล่าสุดของบริษัท คำนวณจากการนำสินทรัพย์รวม (Total Assets) หักด้วยหนี้สินรวม (Total Liabilities) ซึ่งนักลงทุนจะนำมาเพื่อวิเคราะห์ดูว่ามูลค่ารวมของบริษัทหลังจากขายสินทรัพย์ทั้งหมดและใช้หนี้ทั้งหมดแล้ว จะเหลือส่วนของเจ้าของเท่าไหร่ ซึ่งเรียกว่า มูลค่าตามบัญชี
ตัวอย่าง
บริษัท XYZ มีมูลค่าสินทรัพย์รวมเท่ากับ 100 ล้านบาท และมูลค่าหนี้สินรวมเท่ากับ 80 ล้านบาท ดังนั้น มูลค่าตามบัญชีของบริษัทจะเท่ากับ 20 ล้านบาท (100 – 80) ซึ่งสมมติว่า หากบริษัทเลิกกิจการแล้วนำสินทรัพย์ทั้งหมดไปขาย จากนั้นก็จะจ่ายหนี้ทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้ เงินที่เหลือ 20 ล้านบาทก็จะเป็นส่วนของเจ้าของ หรือมูลค่าตามบัญชี
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่ง ดังนั้น หากบริษัทเลิกกิจการและขายสินทรัพย์ทั้งหมดและจ่ายหนี้ทั้งหมด ส่วนแบ่งจากสินทรัพย์ที่เหลือจะคืนให้ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน เรียกว่า มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Value per Share)
มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น = สินทรัพย์รวม – หนี้สินรวม
จำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกชำระแล้ว
ตัวอย่าง
บริษัท XYZ มีมูลค่าสินทรัพย์รวมเท่ากับ 100 ล้านบาท และมูลค่าหนี้สินรวมเท่ากับ 80 ล้านบาท มีจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 10 ล้านหุ้น ดังนั้น มูลค่าตามบัญชีของบริษัทจะเท่ากับ 20 ล้านบาท (100 – 80) และมีมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 2 บาท (20/10) หมายความว่า ผู้ถือหุ้นจะได้เงินคืนหลังจากบริษัทจ่ายหนี้หุ้นละ 2 บาท
โดยมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น นักลงทุนจะนำมาวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะพิจารณาว่าหุ้นที่กำลังสนใจอยู่นั้น “ถูกหรือแพง” โดยจะทำการเปรียบเทียบกับราคาหุ้น ณ ขณะนั้น
จากตัวอย่าง สมมติว่า ราคาหุ้น XYZ ณ ขณะนั้น อยู่ที่ 1 บาทต่อหุ้น หมายความว่า สามารถซื้อหุ้นนี้ได้ถูกกว่าเจ้าของบริษัท เป็นต้น
นอกจากนี้ นักลงทุนมักนิยมนำอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (Price to Book Value : P/BV Ratio) เพื่อวิเคราะห์ว่าหุ้น “ถูกหรือแพง” โดยการคำนวณจากราคาตลาดของหุ้น หารด้วยมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) ซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าราคาหุ้น ณ ขณะนั้น สูงเป็นกี่เท่าของมูลค่าตามบัญชีของหุ้นตัวนั้น ยิ่งซื้อหุ้นได้ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีมากเท่าไหร่ยิ่งดี (P/BV Ratio ต่ำ) แสดงว่าสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีของบริษัท
ดังนั้น หากหุ้นที่มี P/BV Ratio มีค่าน้อยกว่า 1 เท่า ถือเป็นโอกาสดีของนักลงทุน เพราะจะได้ซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม P/BV Ratio ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ไม่ได้แปลว่า ราคาหุ้นจะถูกเสมอไป เพราะอาจจะมาจากการถูกประเมินมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่สูงเกินไป หรือผลประกอบการของบริษัทกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีลักษณะขาดสภาพคล่อง
ข้อควรระวัง
การวิเคราะห์ Book Value per Share และ P/BV Ratio เพื่อประเมินมูลค่าหุ้น ย่อมไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน ดังนั้น นักลงทุนควรใช้เครื่องมือการวิเคราะห์อื่น ๆ ตัวเลขผลประกอบการของบริษัท รวมถึงการติดตามข้อมูลข่าวสารควบคู่กันไปด้วย
เงื่อนไขการจัดอันดับ
หมายเหตุ: บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจ เรียนรู้เทคนิคการคัดกรองหุ้นด้วยการใช้งานเครื่องมือ Settrade Stock Screening เพื่อให้ได้หุ้นดี โดนใจ โดยไม่ต้องใช้เวลาค้นหานาน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Stock Screening” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่