ทำไมต้องลงทุนทองคำ

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2 Min Read
2 มิถุนายน 2566
35.426k views
Inv_ทำไมต้องลงทุนทองคำ_Thumbnail
Highlights
  • ทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นแหล่งสะสมความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวก

  • 3 เหตุผลหลัก ที่ควรลงทุนทองคำ เนื่องจากผลตอบแทนระยะยาวสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ มีความปลอดภัยหากลงทุนในช่วงวิกฤติ อีกทั้งมีสภาพคล่องสูง และมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย

  • ก่อนตัดสินใจลงทุนทองคำควรศึกษาปัจจัยหรือสัญญาณต่าง ๆ ที่จะกระทบกับราคาทองคำ เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

สภาทองคำโลก รายงานว่าสิ้นปี 2565 ประเทศไทยมีทุนสำรองที่เป็นทองคำ 244.16 ตัน ถือเป็นประเทศที่ซื้อทองคำเข้าทุนสำรองระหว่างประเทศ เพิ่มมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียในรอบ 10 ปี โดยเพิ่มจาก 152.41 ตันในปี 2556 ซึ่งปัจจัยสำคัญของความต้องการทองคำทั่วโลกมาจากการเป็นอัญมณีที่ใช้ในอุตสาหกรรม ทุนสำรองของธนาคารกลาง และการลงทุนของกองทุนรวมและนักลงทุนรายย่อย

 

ถึงแม้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ผ่านพ้นไปแล้ว แต่สภาทองคำโลกประเมินว่าสถานการณ์ทั่วโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ในปีนี้แรงซื้อจากกองทุนรวมและธนาคารกลางยังมีบทบาทสำคัญต่อราคาทองคำ

 

การลงทุนทองคำ ถือเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างแพร่หลาย ซึ่งนอกจากทองคำจะสามารถเป็นสินทรัพย์ลงทุนหลักในพอร์ตลงทุนแล้ว ยังเป็นทางเลือกการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เพื่อกระจายความเสี่ยงด้วย เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์มั่นคงไม่เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา ขณะเดียวกันทองคำมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs) สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) และยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารการลงทุนทองคำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา และปลอดภัย จึงเปิดโอกาสให้สร้างผลตอบแทนได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

 

และด้วยความที่ทองคำ มีลักษณะเป็นทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินทรัพย์เพื่อการลงทุน หมายความว่าสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์จากความต้องการเครื่องประดับที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต ดังนั้น หากพูดถึงเหตุผลที่ควรลงทุนทองคำ มี 3 ประการ ดังนี้

 

1. ให้ผลตอบแทนระยะยาวและเอาชนะเงินเฟ้อ

เมื่อมองย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2514 – ธันวาคมปี 2565 ผลตอบแทนจากทองคำเฉลี่ย 7.78% ต่อปี สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาที่เฉลี่ย 3.70% ต่อปี และที่น่าสนใจไปกว่านั้นในปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่ดัชนี S&P 500 ผลตอบแทนส่วนใหญ่ติดลบ (ดูตารางด้านล่าง)

Inv_ทำไมต้องลงทุนทองคำ_01

จากตาราง สะท้อนว่าทองคำได้พิสูจน์ถึงความสม่ำเสมอในสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจในช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่อาจเหมาะสำหรับพอร์ตลงทุนที่สามารถรับความผันผวนได้สูง (High Risk, High Return)

 

2. มีความปลอดภัยในช่วงวิกฤติ

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ทองคำถูกจัดเป็นสินทรัพย์แห่งความปลอดภัย คือ การที่นักลงทุนเชื่อว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติ งานวิจัยของศาสตราจารย์ Dirk Baur มหาวิทยาลัย Western Australia ได้ให้เหตุผลว่า ในช่วงที่โลกอยู่ในภาวะวิกฤติที่มีความผันผวนสูง นักลงทุนจะเลือกใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ในอดีตที่นึกถึงได้ง่ายและเด่นชัดที่สุด เพื่อการตัดสินใจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งภาพของทองคำที่เป็นสีเหลืองทองส่องสว่าง จับต้องได้จริง รวมทั้งประสบการณ์ที่ดีของทองคำในอดีตที่ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างแพร่หลายทั่วโลก หรือแม้แต่การที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงเก็บและใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้นักลงทุนคิดเหมือน ๆ กันว่า ทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์แห่งความปลอดภัยได้ในภาวะวิกฤติ

 

3. สภาพคล่องสูงและรูปแบบการลงทุนหลากหลาย

ทองคำมีสภาพคล่องการซื้อขายสูง เพราะเป็นสินทรัพย์มีค่าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ในทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งมีตลาดหลักและตลาดรองในการซื้อขายแลกเปลี่ยน การที่ทองคำมีสภาพคล่องสูงช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลที่จะลงทุนซื้อทองคำมาเก็บไว้ในครอบครองเพื่อแสวงหากำไร และหากต้องการถอนการลงทุนหรือนำออกขายเปลี่ยนเป็นเงินสด ก็สามารถทำได้ทันทีที่ต้องการ ขณะเดียวกันทองคำมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นและเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการลงทุนทองคำของตัวเอง

 

จัดกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนทองคำสำหรับนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาวมีความแตกต่างกัน โดยนักลงทุนระยะสั้นซึ่งเน้นการเก็งกำไร ควรมีการกำหนดจุดซื้อและจุดขายทองคำที่ชัดเจน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด เช่น หากราคาทองคำปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำกว่าต้นทุนมายังระดับราคาที่กำหนดไว้เพื่อขายตัดขาดทุน นักเก็งกำไรที่มีวินัยก็จะขายทองคำที่ราคาดังกล่าว เพื่อให้มีเงินลงทุนในการเก็งกำไรครั้งใหม่ต่อไป ดังนั้น ควรศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยให้ทราบจุดซื้อและจุดขายที่เหมาะสม

 

สำหรับนักลงทุนระยะยาว สามารถลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ซึ่งเป็นการซื้อทองคำแบบสม่ำเสมอทุกเดือนด้วยจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน เป็นการสร้างวินัยในการลงทุนและช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทองคำได้ โดยบทวิเคราะห์ของสภาทองคำโลก แนะนำว่าการมีทองคำในพอร์ตลงทุนประมาณ 5 – 10% ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน เพราะราคาทองคำจะปรับสูงขึ้นหากผลตอบแทนของสินทรัพย์อื่นปรับลดลง เช่น เมื่อหุ้นปรับลดลง ราคาทองคำจะปรับขึ้น ก็จะช่วยลดผลขาดทุนของพอร์ตลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวสามารถปรับได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการเงินของตัวเองด้วย

  

การลงทุนทองคำไม่ใช่เรื่องยาก หากนักลงทุนสามารถเลือกรูปแบบในการลงทุนและกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองและระยะเวลาลงทุนที่ต้องการ นอกจากนี้ควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายที่วางไว้

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


ปัจจุบัน นอกจากการลงทุนในทองคำแท่งและทองรูปพรรณที่นักลงทุนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ยังมีทางเลือกลงทุนทองคำในรูปแบบอื่น เช่น การลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ สำหรับผู้ที่สนใจ เรียนรู้การลงทุนใน TFEX Gold D เพื่อทำกำไร หรือซื้อทองเป็นสินทรัพย์เสริมสร้างความมั่งคั่ง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร รอบรู้ลงทุน TFEX Gold-D” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: