5 ธีมการลงทุนต้านแรงขาย Sell in May

โดย ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
2 Min Read
12 พฤษภาคม 2566
1.961k views
Inv_5 ธีมการลงทุนต้านแรงขาย Sell in May_Thumbnail
Highlights
  • สถานการณ์ Sell in May ในปีนี้แตกต่างจากปีอื่น ๆ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลหลัก ๆ ในเรื่องของเศรษฐกิจถดถอยและปัญหาสถาบันการเงินล้มในสหรัฐฯ แต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา สถานการณ์มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น การปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีกว่าคาด

  • การลงทุนในเดือนพฤษภาคม ในช่วงที่ตลาดหุ้นอาจย่อตัว จึงเป็นโอกาสการทยอยเข้าสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพดี และกระจายการลงทุนทั่วโลก รวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน และกองทุนรวมกลุ่ม Healthcare เป็นต้น

Sell in May and Go Away มักเป็นวลีที่คุ้นเคยกับนักลงทุนในเดือนพฤษภาคม ที่ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานลงทั่วโลก ทั้งจากความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือผลประกอบการไตรมาสแรกที่น่าผิดหวัง หรือจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญให้นักลงทุนลดสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง

 

อย่างไรก็ดี ผมมองว่าสถานการณ์ในปีนี้มีความแตกต่างกับอดีตมาก นักลงทุนค่อนข้างกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาสถาบันการเงินล้มหรือมีปัญหา และปัญหาเงินเฟ้อที่ลดลงช้า แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขึ้น เศรษฐกิจจีนขยายตัวดีกว่าคาด การส่งออกในภูมิภาคเอเชียมีทิศทางสดใสมากกว่าในอดีต อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มเติบโตช้าลง ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดมีท่าทีที่จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% ขณะที่นักลงทุนคาดว่า เฟดจะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเดือนพฤษภาคมนี้น่าจะเป็นจังหวะกลับเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด และทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ คุณภาพดีที่กระจายการลงทุนทั่วโลก ซึ่งผมมองว่า หากตลาดหุ้นมีการย่อตัวจากความกังวลต่าง ๆ ในเดือนพฤษภาคมเช่นในอดีต กองทุนรวมหรือสินทรัพย์เหล่านี้ไม่น่าที่จะผันผวนรุนแรงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงที่เน้นการเติบโตมาก โดยมีคำแนะนำ 5 ธีมการลงทุนต้านแรงขายเดือนพฤษภาคม ดังนี้

 

  1. กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ

ผมยังคงคำแนะนำการเข้าทยอยสะสมกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนดี กลุ่ม Investment Grade เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งนี้ ผมมองว่าเฟดกำลังจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีท่าทีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในปลายปีนี้หรือปีหน้า ซึ่งจะมีผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และสามารถสร้างกำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gains) ให้นักลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ได้ พร้อม ๆ กับการรับรู้รายได้จากดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้เหล่านั้น

 

  1. กองทุนรวมกลุ่ม Healthcare

กองทุนรวมกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะกลุ่มที่ลงทุนในบริษัทผลิตยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลและผู้ให้บริการด้านสุขภาพมักผันผวนต่ำกว่าตลาดหุ้นโดยรวม แต่หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในด้านความผันผวนได้มากขึ้น ก็อาจให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีการแพทย์ที่มีการเติบโตได้สูง แต่อาจเผชิญปัญหาขาดทุนในบางบริษัทได้ โดยเฉพาะช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ผมมองว่าโอกาสการลงทุนในกลุ่ม Healthcare น่าสนใจในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน หากตลาดมีการปรับฐานในเดือนพฤษภาคม ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มนี้ยังน่าสนใจ และโดยมากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี

 

  1. กองทุนรวมด้านการเงิน

แม้สถานการณ์ตลาดการเงินโลกยังมีความน่ากังวลหลังปัญหาแบงก์ล้มในสหรัฐฯ และยุโรป รวมทั้งการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงของภาคธนาคารและสร้างความน่าเชื่อถือให้กลับมา แต่ผมมองว่าผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลกออกมาดีกว่าที่คาด รวมทั้งนักลงทุนได้กลับเข้ามาลงทุนหุ้นกลุ่มภาคธนาคารมากขึ้นหลังราคาหุ้นย่อตัวลงช่วงเดือนมีนาคมที่มีปัญหา ทำให้มูลค่าบริษัทด้านการเงินน่าสนใจ นอกจากนี้ จากการที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระดับสูง จึงน่าจะมีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากได้ รวมทั้งการลงทุนในภาคธนาคารฝั่งเอเชียและแปซิฟิกยังมีความน่าสนใจจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

  1. กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่กระจายทั่วโลก

ผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี เน้นรายได้ที่มาจากทั่วโลกยังเป็นที่น่าสนใจของการลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาที่ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกดีกว่าคาด อีกทั้งหลากหลายบริษัทเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ นักลงทุนอาจให้น้ำหนักด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG เข้าร่วมด้วย ซึ่งช่วงที่ผ่านมา กลุ่ม ESG มักมีความผันผวนน้อยกว่าตลาดโดยรวม และพร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการเติบโตในการลงทุนระยะยาว

 

  1. กองทุนรวมหุ้นจีน
    เมื่อเศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกขยายตัวที่ 5% และดีเกินคาด โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริโภคและภาคบริการ โดยเฉพาะหลังการเปิดเมืองที่ส่งผลให้คนจีนกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตัวเลขค้าปลีกดีดตัวขึ้นมา ภาคการผลิตขยายตัวได้ดี โดยรวมการทยอยสะสมหุ้นจีนเพื่อการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม A-share ยังน่าสนใจ มูลค่าบริษัทต่าง ๆ ยังไม่แพง โดยเฉพาะหากนักลงทุนกังวลต่อความผันผวนในตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป

 

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้พื้นฐานการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแบบง่าย ๆ เพื่อจับทิศทางการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ และค้นหาหุ้นเด็ดในแต่ละช่วงเวลา สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Macro Analysis” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 

หรือเรียนรู้แนวทางการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อการลงทุนรายกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมเจาะลึกเทคนิคในการจับจังหวะเปลี่ยนกลุ่มลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Sector Rotation” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: