เทรด Options ด้วยกลยุทธ์ Long Straddle

โดย รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง
3 Min Read
5 พฤษภาคม 2566
2.8k views
Inv_เทรด Options ด้วยกลยุทธ์ Long Straddle_Thumbnail
Highlights

กลยุทธ์ Long Straddle เป็นกลยุทธ์อีกรูปแบบของการลงทุน SET50 Index Options ซึ่งเหมาะกับช่วงที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งเชิงบวกหรือลบ เช่น การเลือกตั้ง ธนาคารกลางปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาสินค้าอ้างอิงเปลี่ยนแปลงอย่างมาก นักลงทุนที่เห็นโอกาสดังกล่าวจึงเข้ามาลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนด้วยการใช้กลยุทธ์ Long Straddle ขณะเดียวกัน ถ้าหากราคาของสินค้าอ้างอิงดูทรงตัว และผันผวนต่ำ ก็สามารถใช้กลยุทธ์ Short Straddle ได้เช่นกัน

หากพูดถึง SET50 Index Options นักลงทุนเข้าใจดีว่าเป็นทั้งเครื่องมือเก็งกำไร ป้องกันความเสี่ยง หรือใช้ในการหาโอกาสค้ากำไร (Arbitrage) โดยในการเทรด Options มีบางกลยุทธ์ที่สามารถสร้างกำไรได้ แม้จะไม่มั่นใจว่าสินทรัพย์อ้างอิงนั้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ซึ่งแตกต่างจากการเทรด Futures ที่ต้องคาดการณ์แนวโน้มของสินทรัพย์อ้างอิง เพื่อการตัดสินใจเทรดที่เหมาะสม

 

สำหรับกลยุทธ์เทรด Options ที่ไม่สนใจว่าสินค้าอ้างอิงจะปรับขึ้นหรือลง แต่คาดหวังว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่ผันผวนสูงพอที่จะเอาชนะค่าพรีเมียม (Premium) ที่จ่ายออกไป มีชื่อเรียกว่า Long Straddle โดยกลยุทธ์นี้ประกอบไปด้วยการซื้อ (Long) ทั้งสิทธิในการซื้อ (Call Options) และสิทธิในการขาย (Put Options) อย่างละ 1 สัญญา ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และวันครบกำหนดอายุ (Expiration Date) เดียวกัน และ Options ไม่มีกำไรหรือขาดทุนในวันหมดอายุ (At-the-Money)

Inv_เทรด Options ด้วยกลยุทธ์ Long Straddle_01

ตัวอย่าง นักลงทุนมองว่าในช่วงใกล้เลือกตั้ง ดัชนี SET50 มีแนวโน้มผันผวนสูง แต่ไม่แน่ใจว่าจะปรับขึ้นหรือลง จึงเลือกใช้กลยุทธ์ Long Straddle ด้วยการเข้าไปซื้อ (Long) S50M23C950 ที่ราคา 19 จุด และซื้อ (Long) S50M23P950 ที่ราคา 16 จุด (ตัวอย่างไม่รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ)

Inv_เทรด Options ด้วยกลยุทธ์ Long Straddle_02

จากตัวอย่าง พบว่านักลงทุนจะขาดทุนสูงสุดเท่ากับ -35 จุด ถ้าดัชนี SET50 ตอนหมดอายุสัญญาอยู่ที่ระดับ 950 จุด อย่างไรก็ดี ถ้าดัชนี SET50 เริ่มเหวี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่ง พบว่าผลขาดทุนเริ่มน้อยลง และจะเริ่มมีกำไรเมื่อดัชนี SET50 น้อยกว่า 915 จุด หรือมากกว่า 985 จุด กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมาก ไม่ว่าจะในทิศทางลบหรือบวก

 

อย่างไรก็ตาม บางครั้งสินค้าอ้างอิงมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบและมีความผันผวนต่ำ ก็สามารถหาโอกาสทำกำไรได้เช่นเดียวกัน โดยกลยุทธ์ที่ว่านี้ คือ Short Straddle ซึ่งเป็นการขาย (Short) ทั้ง Call Options และ Put Options อย่างละ 1 สัญญา ที่มีราคาใช้สิทธิและวันครบกำหนดอายุเดียวกัน และ Options ไม่มีกำไรหรือขาดทุนในวันหมดอายุ (At-the-Money) โดยถ้าสินค้าอ้างอิงแกว่งแคบอย่างที่คาดก็จะได้กำไรจากค่าพรีเมียม เนื่องจากการ Short Options

Inv_เทรด Options ด้วยกลยุทธ์ Long Straddle_03

ตัวอย่าง นักลงทุนมองว่า ดัชนี SET50 มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวผันผวนต่ำ จึงเลือกใช้กลยุทธ์ Short Straddle ด้วยการเข้าไปขาย (Short) S50M23C975 ที่ราคา 17 จุด และขาย (Short) S50M23P975 ที่ราคา 13 จุด (ตัวอย่างไม่รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ)

Inv_เทรด Options ด้วยกลยุทธ์ Long Straddle_04

จากตัวอย่าง พบว่านักลงทุนจะมีกำไรสูงสุดเมื่อดัชนี SET50 อยู่ที่ระดับ 975 จุด และมีกำไรเท่ากับ 30 จุด ซึ่งเกิดจากการ Short Options อย่างไรก็ดี หากดัชนี SET50 เริ่มปรับลงต่ำกว่า 945 จุด หรือปรับขึ้นมากกว่า 1,005 จุด ก็เริ่มขาดทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเห็นได้ว่ากลยุทธ์นี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง หากตลาดกลับมามีแนวโน้มและเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน จึงเหมาะสำหรับตลาดที่คาดว่าราคาของสินค้าอ้างอิงจะทรงตัว และผันผวนต่ำ

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้กลยุทธ์การลงทุนใน Options ทั้งกลยุทธ์ทิศทางขึ้นลงแบบ Outright กลยุทธ์แบบผสมระหว่างหุ้นอ้างอิงและออปชัน กลยุทธ์เก็งกำไรแบบ Spreads และกลยุทธ์เก็งกำไรบนความผันผวน สามารถเรียนรู้ได้ผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้กลยุทธ์ลงทุน Options” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: