ทองคำในตลาดอนุพันธ์ ที่นักลงทุนควรรู้จัก

โดย รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง
3 Min Read
4 พฤษภาคม 2566
11.197k views
Inv_ทองคำในตลาดอนุพันธ์ ที่นักลงทุนควรรู้จัก_Thumbnail
Highlights
  • ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยหลายปัจจัย โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น

  • การลงทุนทองคำ นอกจากการซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณแล้ว นักลงทุนยังสามารถซื้อกองทุนรวมทองคำ รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงทองคำได้อีกด้วย เช่น Gold Online Futures เป็นต้น

ตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา มีเหตุการณ์มากมายที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยเฉพาะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีความจำเป็นน้อยลงที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบเร่งตัว โดยประเมินว่าปีนี้เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งที่ระดับ 0.25% และอาจเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า  

 

จากมุมมองดังกล่าว ส่งผลให้ราคาทองคำนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรับขึ้นสู่ระดับ 2,048 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เช่นเดียวกับราคาทองคำในประเทศไทยทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 33,000 บาทต่อบาททองคำ โดยค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าถึง 35.38 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และนอกจากประเด็นดังกล่าว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่

 

ความต้องการซื้อขายทองคำ เช่นเดียวกับสินค้าประเภทต่าง ๆ หากมีอุปสงค์ต่อทองคำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น สังเกตจากราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้นก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากประชาชนนิยมซื้อทองคำเป็นของขวัญในวันปีใหม่จีน เป็นต้น

 

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) เป็นดัชนีที่วัดค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ในตะกร้าเงิน ซึ่งประกอบไปด้วย 6 สกุลเงิน ได้แก่ เงินยูโร เงินเยนญี่ปุ่น เงินปอนด์อังกฤษ เงินดอลลาร์แคนาดา เงินโครนาสวีเดน และเงินฟรังก์สวิส หากดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้ผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่นต้องซื้อทองคำในราคาที่แพงขึ้น โดยนับตั้งแต่ปี 2565 ทองคำกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้ามสูงถึง 73% กล่าวคือ หากดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ราคาทองคำมีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทำระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ระดับ 114.7 จุดในปี 2565 ก่อนจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หากนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลดลงกว่า 1.8% ส่งผลให้ราคาทองคำเริ่มปรับสูงขึ้น

 

ปริมาณการซื้อขายทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นจะสะท้อนผ่านการถือครองทองคำของกองทุน SPDR โดยถ้านับตั้งแต่สิ้นปี 2563 ปริมาณการถือครองทองคำมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกองทุน SPDR มีแรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้น โดยปริมาณการถือครองทองคำอยู่ที่ 930.6 ตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 13 ตัน หรือ 1.4% จากสิ้นปี 2563

 

ดัชนีความผันผวน (Volatility Index : VIX) หากดัชนีความผันผวนมีค่าสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความกังวลต่อสภาวะตลาดและเกิดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ช่วงเกิดวิกฤติซับไพรม์ปี 2551 ดัชนีความผันผวนปรับขึ้นแตะ 96.4 จุด ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และราคาทองคำปรับขึ้น 5% เป็นต้น

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกา เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม อัตราการว่างงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นต้น สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ หากตัวเลขเศรษฐกิจดี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ

Inv_ทองคำในตลาดอนุพันธ์ ที่นักลงทุนควรรู้จัก_01

หากมองย้อนกลับไปในอดีต ภาพรวมราคาทองคำยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยเพิ่มจากระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2513 (ค.ศ. 1970) มาทำระดับสูงสุดที่ 2,074 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ด้วยปัจจัยหนุนต่าง ๆ เช่น การแทรกแซงอัฟกานิสถานของสหภาพโซเวียตในปี 2523 วิกฤติซับไพรม์ในปี 2551 วิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปในปี 2554 และสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียในปี 2565 เป็นต้น

 

สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ประเมินว่าราคาทองคำยังมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากเฟดมีโอกาสหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง

 

สำหรับการลงทุนทองคำในปัจจุบัน นอกจากการซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณโดยตรงแล้ว นักลงทุนยังสามารถเลือกลงทุนทองคำผ่านการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ หรือกองทุนที่สร้างผลตอบแทนตามราคาทองคำ เช่น SPDR Gold Shares (GLD) ซึ่งเป็น ETF ที่ถือครองทองคำแท่งมากที่สุดในโลก และมีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการ (AUM) ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ้างอิงทองคำ ประมาณ 60,093 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถซื้อขายผ่านตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถเก็งกำไรทองคำผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงทองคำผ่านตลาดอนุพันธ์ (บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือ TFEX) ได้อีกด้วย โดยทองคำถือเป็นหนึ่งในสินค้าอ้างอิงที่ได้รับความนิยมในการซื้อขาย ซึ่งปัจจุบันสินค้า Futures ที่อ้างอิงทองคำใน TFEX แบ่งออกเป็น 3 ประเภท

 

  1. Gold Futures เป็นสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามขนาดของสัญญา ได้แก่ ทองคำน้ำหนัก 50 บาท (GF) และทองคำน้ำหนัก 10 บาท (GF10) โดยจะซื้อขายกันด้วยสกุลเงินบาทเช่นเดียวกับราคาทองคำในประเทศไทย

 

ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทจะส่งผลกระทบต่อราคาซื้อขาย Gold Futures โดยหากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงที่ราคาทองคำปรับขึ้น (ลง) อาจทำให้เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขาย Gold Futures ปรับขึ้น (ลง) น้อยกว่าราคาทองคำ
 
หมายความว่าหากนักลงทุนต้องการซื้อขาย Gold Futures ควรพิจารณาปัจจัยราคาทองคำและค่าเงินบาท และเมื่อพิจารณาปริมาณการซื้อขาย พบว่าในปี 2565 Gold Futures ขนาด 50 บาท และ 10 บาท มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 142 สัญญา และ 6,793 สัญญา ตามลำดับ โดย Gold Futures ขนาด 10 บาทจะได้รับความนิยมในการซื้อขายมากกว่าขนาด 50 บาท เนื่องจากขนาดสัญญาที่เล็กกว่า ทำให้ง่ายต่อการซื้อขาย
 
ดังนั้น Gold Futures จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย โดยไม่ต้องการส่งมอบหรือรับมอบสินค้าจริง และสามารถรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ หรือต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการถือครองทองคำจริงในช่วงที่ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลง

 

  1. Gold Online Futures (GO) เป็นสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% และซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อน้ำหนักทองคำ 1 ทรอยออนซ์ เช่นเดียวกับราคาทองคำในตลาดโลก จึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

ดังนั้น ราคาซื้อขายจะเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำโดยตรง และไม่ต้องพิจารณาผลกระทบจากค่าเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐเหมือนกับการซื้อขาย Gold Futures ทำให้ง่ายต่อการซื้อขาย ส่งผลให้ปัจจุบัน Gold Online Futures กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงทองคำ
 
เมื่อพิจารณาปริมาณการซื้อขาย พบว่าในปี 2565 Gold Online Futures มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,109 สัญญา สะท้อนว่าปริมาณการซื้อขายสินค้าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสินค้า Futures ในกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำโดยตรงและไม่ต้องการรับมอบหรือส่งมอบทองคำจริง
 
  1. Gold-D (GD) เป็นสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% และถูกกำหนดให้มีการชำระราคาด้วยการรับมอบและส่งมอบทองคำจริง (Physical Delivery) โดยในปี 2565 มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 9 สัญญาต่อวัน ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ Gold Futures และ Gold Online Futures ดังนั้น Gold-D จึงเหมาะกับผู้ประกอบการทองคำหรือนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายเพื่อเก็บทองคำไว้เป็นสินทรัพย์

 

โดยสรุป นักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากส่วนต่างของราคาทองคำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การซื้อขายผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงทองคำในตลาด TFEX ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และหากต้องการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกโดยตรง ควรเลือกซื้อขายผ่านสินค้า Gold Online Futures

 

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากค่าเงินได้หรือต้องการป้องกันความเสี่ยงจากทองคำที่ถืออยู่ การซื้อขาย Gold Futures จะมีความเหมาะสมมากกว่า ส่วนผู้ที่ต้องการถือครองทองคำจริงก็ควรเลือกซื้อขายผ่านสินค้า Gold-D ดังนั้น การตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อขาย Futures ที่อ้างอิงทองคำในตลาด TFEX จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนของคุณ

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนทองคำผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากหากนักลงทุนคาดการณ์ราคาทองคำผิดทาง เช่น ซื้อสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า โดยคาดว่าราคาทองคำจะปรับขึ้น แต่ราคาทองคำกลับอ่อนตัวลง นักลงทุนมีโอกาสถูกเรียกเงินหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) ซึ่งจะต้องเพิ่มเงินลงทุน ดังนั้น นักลงทุนจะต้องติดตามราคาและข้อมูลเกี่ยวกับทองคำอย่างใกล้ชิด

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงทองคำ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การเก็งกำไร และข้อควรระวังในการลงทุน ผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้กลยุทธ์ลงทุน Futures” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: