Sell in May and Go Away จะซ้ำรอยหรือไม่

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2 Min Read
28 เมษายน 2566
2.92k views
Inv_Sell in May and Go Away จะซ้ำรอยหรือไม่_Thumbnail
Highlights
  • เหตุการณ์ Sell in May and Go Away เป็นความเชื่อที่ว่า ตลาดหุ้นในเดือนพฤษภาคมมักจะให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไร เพราะนักลงทุนเชื่อกันว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 และ 3 จะไม่ดีเท่าไตรมาส 1 จึงทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมาก่อน

  • ความเชื่อนี้มาจากการตั้งข้อสังเกตของนักลงทุนบางกลุ่ม ที่เห็นว่าตลาดหุ้นในเดือนพฤษภาคมมักจะปรับตัวลงบ่อยครั้ง และเป็นจำนวนที่มากกว่าในเดือนอื่น ๆ โดยเมื่อเป็นความเชื่อ ก็หมายความว่าอาจจะเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้

“จะเกิด Sell in May and Go Away หรือไม่” เป็นคำถามจากนักลงทุนทั่วโลกในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เพราะเชื่อกันว่านักลงทุนจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 ช่วง คือ เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน และเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม หรือนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะแบ่งตามฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม) และฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน) โดยมีความเชื่อเบื้องหลังที่ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 และ 3 อาจไม่ดีเหมือนไตรมาส 1 จึงเกิดแรงเทขายเพื่อทำกำไรออกมาก่อน เนื่องจากไตรมาส 1 มีบรรยากาศของการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้เงินกันในช่วงปลายปีจนถึงช่วงต้นปีใหม่ นักลงทุนจึงเชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 1 จะโดดเด่น

 

ดังนั้น เหตุการณ์ Sell in May and Go Away ดั้งเดิมมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของฝั่งตะวันตก โดยนักลงทุนจะลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางลง ก่อนจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งประมาณเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน

 

พิชัย ยอดพฤติการ CFP® ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย อธิบายว่าเหตุการณ์ Sell in May and Go Away เป็นคำกล่าวการลงทุนที่อ้างอิงข้อมูลดัชนี S&P 500 ในอดีตว่า ตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม จะให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน โดยตั้งแต่ปี 2493 (ค.ศ.1950) ถึงปี 2565 ดัชนี S&P 500 ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1.5% ขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7%

 

หากดูสถิติ 20 ปีย้อนหลัง (ปี 2545 – 2565) ดัชนี S&P 500 ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.41% ขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.81% สำหรับตลาดหุ้นไทย ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.32% ขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.35%

 

ปัจจุบัน ถึงแม้ไม่มีใครตอบได้ว่าเหตุการณ์ Sell in May and Go Away ปีนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ประเด็นนี้ยังคงอยู่ในความสนใจของนักลงทุนทุกปี สังเกตได้จากนักลงทุนทั่วโลกค้นหาคำว่า Sell in May และ Sell in May and Go Away อยู่ในระดับสูงในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี โดยเหตุการณ์นี้ อาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิด ต้องดูสถานการณ์ด้วย เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมีความแตกต่างจากอดีต ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจและสังคม วัฏจักรธุรกิจ สภาพแวดล้อมของตลาด นโยบายการเงิน การคลัง หรือการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

ตัวอย่างเช่น ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนถือว่าตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดี แต่เดือนพฤศจิกายนปี 2562 ถึงเมษายนปี 2563 ผลตอบแทนปรับลดลงอย่างรวดเร็วจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 หมายความว่า นักลงทุนควรพิจารณาข้อมูลเชิงลึกก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐาน ขณะเดียวกันต้องติดตามพอร์ตลงทุนของตัวเองว่าสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่นั้น ยังสามารถไปต่อได้หรือไม่ หากตรวจสอบแล้วคาดว่ายังสามารถไปต่อได้ และมีโอกาสเติบโตต่อได้ในอนาคตก็ให้ถือข้ามผ่านความผันผวนไป เพราะการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ คือ การลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว เพื่อที่จะลดความผันผวนของผลตอบแทนและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้เทคนิคและกลยุทธ์ในการซื้อและขายหุ้น เพื่อไม่ให้ขายหมู หรือเสียโอกาสในการลงทุน สามารถเรียนรู้ได้ผ่าน e-Learning หลักสูตร Buy & Sell Strategy” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: