ทุกวันนี้นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า “ESG” เพราะ ESG กลายเป็นกติกาใหม่ในการทำธุรกิจ หลายประเทศเริ่มกำหนดให้ESG เป็นมาตรฐานและข้อบังคับในการดำเนินงาน ธุรกิจทั่วโลกจึงต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กำลังส่งผลกระทบรุนแรงเข้าขั้นวิกฤติ หรือแม้กระทั่งเรื่องสิทธิมนุษยชนที่กลายเป็นข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ นอกเหนือจากเรื่องจริยธรรมและความโปร่งใสในการทำธุรกิจที่เป็นมาตรฐานระดับพื้นฐานที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานแล้ว นักลงทุนที่รู้จักและเข้าใจ ESG ก่อน ย่อมมีความได้เปรียบในการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
“ESG กลายเป็นกติกาใหม่ในการทำธุรกิจ... นักลงทุนที่รู้จักและเข้าใจ ESG ก่อน ย่อมมีความได้เปรียบในการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่กำลังจะมาถึง”
ทำไมนักลงทุนต้องสนใจเรื่อง ESG
นักลงทุนสถาบันรายใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่าง ๆ ได้นำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์และวางแผนการลงทุน ไปจนถึงการบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคล อีกทั้งยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของธุรกิจด้วยการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้เรื่อง ESG เริ่มกลายเป็นวาระสำคัญที่บริษัทต้องตอบคำถามผู้ถือหุ้นและนักลงทุน เช่น การวางกลยุทธ์และแนวทางการบริหารความเสี่ยง ESG เพื่อให้สามารถบริหารจัดการผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโตและแข่งขันได้ในระยะยาว การลงทุนที่คำนึงถึง ESG จึงเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนรุ่นใหม่ที่สนใจ ESG และเห็นว่า ESG สามารถช่วยบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และอาจสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระยะยาว
กฎระเบียบเข้มขึ้น ธุรกิจทั่วโลกต้องเปิดเผยข้อมูล ESG
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ได้กำหนดให้ธุรกิจหรือบริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้าน ESG อย่างโปร่งใส เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ สหภาพยุโรป (EU) ยังกำหนดให้ผู้จัดการกองทุนต้องเปิดเผยข้อมูล ESG ตามเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Financial Disclosure Regulation หรือ SFDR) เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ ซึ่งมีอีกหลายประเทศที่มีแผนจะบังคับใช้เกณฑ์ในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน หรือแม้แต่ประเทศไทย
Climate change กับพอร์ตการลงทุน
จากการประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) พบว่า หากอุณหภูมิของโลกเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 2°C จะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 69 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในแถบเอเชียใต้ที่จะได้รับความเสียหายมากถึง 20-30% ของ GDP ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลต่อพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายประเทศจึงเริ่มกำหนดให้สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและธุรกิจประกัน ต้องประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate risk) ในการปล่อยสินเชื่อหรือให้บริการทางการเงิน เพื่อวิเคราะห์และหาทางบริหารความเสี่ยงจากพอร์ตสินเชื่อและพอร์ตการลงทุน ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองว่าภาคสถาบันการเงินจะมีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ขนาดไหน และในฝั่งของธุรกิจที่ต้องการได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินเอง ก็ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนไม่แพ้กัน
“หากอุณหภูมิของโลกเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 2°C จะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 69 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลต่อพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ผลตอบแทน...คำถามใหญ่ในใจนักลงทุน
สำหรับนักลงทุน คำถามสำคัญคือ การลงทุนที่คำนึงถึง ESG ให้ผลตอบแทนดีแค่ไหน?
จากข้อมูลของ MSCI พบว่า บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG ได้ดี หรือมีคะแนน MSCI ESG Score สูง จะมีความสามารถในการทำกำไรได้ดีกว่าบริษัทที่มี MSCI ESG Score ต่ำ หรือทำ ESG ได้ไม่ดี (ภาพที่ 1)
นอกจากนี้ บริษัทที่ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงทั้ง E, S, G แบบครอบคลุมทั้ง 3 มิติ จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับบริษัทที่คำนึงถึงเรื่อง E หรือ S หรือ G เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น (ภาพที่ 2)
จะเห็นว่า ESG กลายเป็นประเด็นฮ็อตฮิตที่นักลงทุนวันนี้ต้องสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจที่เข้าไปลงทุนอยู่นั้นสามารถปรับตัวและรับมือกับประเด็นความเสี่ยงด้าน ESG รวมถึงสามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสในการเติบโตและทำกำไรได้ในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน
ข้อมูลส่วนหนึ่งอ้างอิงมาจากการบรรยายของ Mr. Cedric Lagrange, Executive Director, Head of ESG & Climate, South Asia, MSCI ในงานสัมมนา SET Sustainability Forum 1/2023 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สามารถค้นหาความรู้ด้าน ESG เพิ่มเติมได้ที่ : SET ESG Academy
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอแนะนำ Platform บ่มเพาะและเผยแพร่ความรู้ด้านความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อยกระดับ ESG Development ของตลาดทุนไทย และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในการพัฒนาความยั่งยืน ระดับบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ของประเทศ (Click)
หรืออัพเดทความรู้ด้านความยั่งยืนประจำวันได้ที่ Line@ : setsustainability (Click ติดตาม)
อ้างอิง
[1] ThaiPublica. บลจ.กรุงศรี แนะทะยอยลงทุนหุ้น ESG สร้างความมั่งคั่ง มั่นคง ระยะยาว