ถ้าย้อนกลับไปในอดีต หากตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างต่อเนื่องกลายเป็นภาวะตลาดหมี (Bear Market) นักลงทุนอาจขายหุ้นไม่ทัน ได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่หุ้นจะฟื้นตัวให้ได้ลดพอร์ตลงทุน ส่วนนักลงทุนที่ขายทันก็ต้องนั่งรอว่าเมื่อไหร่หุ้นจะลงมาถึงระดับที่น่าสนใจกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง ถ้าตลาดไม่ย่อลงก็อาจพลาดโอกาสการลงทุนครั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในยุคปัจจุบัน นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง จึงเป็นการดีที่จะทำความเข้าใจเทคนิคบริหารความเสี่ยงหรือเก็งกำไรในช่วงตลาดขาลง เพื่อไม่ให้พลาดในทุกโอกาสและที่สำคัญเป็นการยกระดับพอร์ตลงทุนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกด้วย
ในกรณีนี้ สมมติว่าดัชนี SET50 ปรับตัวลดลง 5 จุด สำหรับการลงทุนใน Futures การเปลี่ยนแปลงดัชนี 1 จุด เท่ากับ 200 บาท นักลงทุนที่ Short SET50 Index Futures ไว้จะได้กำไร 1,000 บาท ต่อ 1 สัญญา (ก่อนหักค่า Commission) แต่ถ้าผิดทาง คือดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้น นักลงทุนจะขาดทุน เท่ากับจำนวนจุดที่ขาดทุนคูณด้วย 200 บาท
โดยในกรณีที่สภาพคล่องของการซื้อขายต่ำ นักลงทุนสามารถติดต่อไปยังโบรกเกอร์ และใช้บริการ Block Trade เพื่อเป็นคู่สัญญาให้โดยตรง แต่ราคาที่ได้อาจไม่ตรงกับราคาในกระดานซื้อขาย และต้นทุนในการทำธุรกรรมจะสูงขึ้น เพราะจะมีการนำดอกเบี้ยและภาษี (VAT 7%) เข้าไปคำนวณด้วย
อีกทั้ง อะไรที่ขึ้นชื่อว่ายืมก็จะมีดอกเบี้ยค่ายืมตามมาด้วย โดยจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน และถ้ายังซื้อหุ้นกลับมาคืนไม่ได้ ต้นทุนดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้น หากไม่มั่นใจว่าหุ้นที่ยืมมา ราคาจะปรับลดลง ก็ไม่ควรใช้ธุรกรรมนี้เพื่อการลงทุน
เช่น ถ้ามีต้นทุนอยู่ 150 บาท ตอนนี้ราคาลงมาเหลือ 130 บาท (ขาดทุน 20 บาท) หากประเมินแล้วว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 100 บาท อาจขายที่ราคา 130 บาทไปก่อน แล้วกลับไปซื้อใหม่ที่ราคา 100 บาท หากราคาหุ้นไม่ปรับตัวลงต่อและกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง เช่น ราคากลับขึ้นมาที่ 130 บาท ก็จะได้กำไรจากการลงทุนรอบใหม่ 30 บาท และเมื่อหักกับขาดทุนรอบแรก (20 บาท) จะได้กำไรสุทธิ 10 บาท (ไม่รวมค่า Commission)
อย่างไรก็ตาม ทุกรูปแบบการลงทุนไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงย่อมมีความเสี่ยง แม้ว่าในช่วงตลาดเป็นขาลง หุ้นแต่ละตัวมีโอกาสเกิดความผันผวนต่อวันค่อนข้างแรง แต่ถ้าพิจารณาในแง่ของระยะเวลา พบว่าช่วงเวลาที่หุ้นเป็นขาขึ้นจะยาวนานกว่าช่วงเวลาที่ปรับลดลง เพราะฉะนั้น โดยธรรมชาติการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ ไม่ได้เอื้อให้ลงทุนในฝั่งขาลงมากนัก การเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจึงควรทำเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ หรือถ้าเป็นไปได้ นักลงทุนควรมองเป็นการบริหารความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนมากกว่าที่จะมองว่าเป็นเครื่องมือในการเก็งกำไร
หมายเหตุ: บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจ เรียนรู้ลักษณะสัญญา สินทรัพย์อ้างอิง ผลตอบแทน ความเสี่ยง และกลยุทธ์การลงทุนใน SET50 Futures และ Stock Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงและทำกำไรในแต่ละสภาวะตลาด สามารถเรียนรู้ได้ผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้ลงทุน SET50 & Stock Futures” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่