“กลัวตกรถ” เป็นคำศัพท์หนึ่งในตลาดหุ้นที่ได้ยินเป็นประจำ หมายถึง กลัวว่าจะพลาดจึงตัดสินใจ “ซื้อหุ้น” เร็วเกินไป โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อน เช่นเดียวกับการตัดสินใจ “ขายหุ้น” เร็วเกินไป ซึ่งผู้ที่มีสไตล์การตัดสินใจแบบนี้เรียกว่า FOMO Investor (Fear of Missing Out) หรือนักลงทุนที่กลัวพลาดการซื้อขาย
“กลัวพลาด” ถือเป็นศัตรูร้ายสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่เน้นลงทุนระยะสั้น (เทรดดิ้ง) ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนและผลักดันให้เกิดการกลัวดังกล่าว คือ อารมณ์และความรู้สึก ทำให้นักลงทุนตกหลุมพรางจนนำไปสู่ความล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักลงทุนได้เรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาการลงทุนของตัวเองก็จะทำให้อาการกลัวการพลาดลดน้อยถอยลง และกลายเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว สำหรับการฝึกฝนในการเตือนและหยุดยั้งตัวเองไม่ให้เป็นนักลงทุนที่กลัวตกรถหรือกลัวพลาด ควรเริ่มจาก 5 ประโยค ดังนี้
รู้แล้ว ทำไมไม่ลงมือทำ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีนักลงทุนในตลาดหุ้นพูดประโยคนี้กับตัวเองอยู่ โดยนักลงทุนกลุ่มนี้จะวางแผนการลงทุนทุกอย่างไว้ล่วงหน้า แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ลงมือดำเนินการใด ๆ เช่น ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและประเมินว่าหุ้นที่เล็งเอาไว้มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และจะเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นอยู่ที่ 10 บาท แต่เมื่อราคาหุ้นปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 11 บาท กลับเปลี่ยนใจเข้าซื้อเพราะกลัวว่าราคาจะไม่ปรับลดลงไปมากกว่านี้แล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงอาการกลัวพลาด นักลงทุนควรกำหนดกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง จากนั้นก็ทำตามแผนการลงทุนที่วางไว้ และไม่ต้องเสียใจหากแผนการที่วางเอาไว้อาจผิดพลาด เช่น ราคาหุ้นที่เล็งไว้ไม่ได้ปรับลดลงมาที่ราคา 10 บาท ตามที่ประเมินไว้
ถ้าทำตามแผนการลงทุนก็จะไม่ได้ซื้อหุ้นดังกล่าว แต่สิ่งสำคัญ คือ การไม่ได้ตกอยู่ในหลุมพรางกลัวพลาด และเป็นประโยชน์ต่อการสร้างวินัยด้านการลงทุนระยะยาว
แค่นี้เอง ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก
เมื่อไหร่ก็ตามที่นักลงทุนพูดประโยคนี้ หมายความว่า เพิ่งทำผิดกฎข้อใดข้อหนึ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจลงทุนหรือการซื้อขายไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งการแหกกฎหนึ่งครั้ง คือ ความเสี่ยงที่จะแหกกฎครั้งถัดไป และหากทำไปเรื่อย ๆ อาจกลายเป็นนักลงทุนที่กลัวพลาด ดังนั้น วิธีที่จะตัดไฟแต่ต้นลมและป้องกันความเสียหายในระยะยาว คือ การยึดตามแผนการลงทุนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
มีความรู้สึก…
เมื่ออยู่ในโลกการลงทุน ควรทิ้งอารมณ์และความรู้สึก และใช้ข้อเท็จจริงในการตัดสินใจลงทุน ศึกษาหาข้อมูล กำหนดแนวทางการลงทุนเอาไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การตัดสินใจลงทุนด้วยความเชื่อมั่นและมีสติ ในบางครั้งอาจมีโอกาสผิดพลาดแต่ก็เป็นความผิดพลาดที่ควบคุมได้ ตรงกันข้ามหากปล่อยให้โชคชะตาตัดสินความสำเร็จของตัวเองอาจเป็นความเสี่ยงที่มากเกินไปและไม่สามารถควบคุมได้
แทนที่จะรีบเร่ง ช้า ๆ ก็ได้
ในบางครั้งนักลงทุนกำลังกังวลหรือรู้สึกผิดหวังกับราคาหุ้นที่ซื้อไว้แต่ไม่ได้ปรับขึ้นตามที่ประเมิน ก็อาจตัดสินใจขายด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งอาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือผิดพลาดก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากเชื่อมั่นในหุ้นดังกล่าวควรถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลอีกครั้ง เช่น วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน วิเคราะห์มูลค่าที่เหมาะสม ซึ่งการกำหนดกลยุทธ์ระหว่างทางไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่เป็นคุณสมบัติที่ดีของนักลงทุนในการประสบความสำเร็จในระยะยาว
ความสำเร็จยั่งยืน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
หากลงทุนด้วยสไตล์กลัวตกรถแถมใช้อารมณ์และความรู้สึกเป็นตัวตัดสินใจซื้อขาย อาจประสบความสำเร็จได้ไม่กี่ครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าโชคกำลังเข้าข้าง แต่การที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั้นล้วนมาจากการมีกลยุทธ์ที่ดี มีวินัย มีความอดทน รวมถึงศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญรู้จักระดับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้
ดังนั้น หากกำลังตกหลุมพรางกลัวพลาดหรือกลัวตกรถ ควรรีบปรับพฤติกรรมการลงทุนให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำ ๆ เพราะตลาดหุ้นเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ที่อดทน มีวินัย และลงมือทำตามแผนที่วางไว้
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจ เรียนรู้หลุมพรางที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน อารมณ์และพฤติกรรมของตลาด ตลอดจนเข้าใจแนวทางการปรับ Mindset ที่ใช้ในการลงทุน เพื่อความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว สามารถเรียนรู้ได้ ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Mindset for Successful Investor” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่