ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงโตช้า และมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงกลางปีนี้ นักลงทุนจึงลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น แต่เมื่อตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มออกมาอ่อนแอลง ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคมที่เริ่มลดลง และตัวเลขการค้าปลีกที่หดตัว 1.1% จากเดือนก่อนหน้า ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า เฟดน่าจะลดความร้อนแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้หดตัวแรงหลังมาตรการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสยบเงินเฟ้อเริ่มเห็นผล ซึ่งหากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมาน่าจะใกล้สิ้นสุดลง เฟดกำลังจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ตลาดน่าจะเริ่มให้น้ำหนักในจุดนี้และเข้าลงทุนก่อนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้น เราจะมีโอกาสในการลงทุนอะไรกันบ้างในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มาดูกันครับ
หุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานดี มีภาระหนี้ไม่สูง มีโอกาสสร้างรายได้ให้เติบโตได้ในภาวะที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อตลาดปรับย่อลงหลังนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนกำลังคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยใกล้จะถึงจุดสูงที่สุด อัตราเงินเฟ้อกำลังย่อลงอย่างชัดเจน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยที่รุนแรง เพียงแต่ชะลอหรืออาจติดลบเล็กน้อยชั่วคราว นักลงทุนน่าจะหาจังหวะในการสะสมหุ้นประเภทนี้ นอกจากนี้ ผมมองการลงทุนในฝั่งยุโรปว่ายังสามารถจับจังหวะเข้าสะสมได้ โดยเฉพาะเมื่อปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้รุนแรงจนเกิดภาวะวิกฤติพลังงานอย่างที่หลายคนกังวลไว้ก่อนหน้า แม้ว่าปัญหาเงินเฟ้อจะรุนแรง และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงต้องเดินหน้าต่อไปอีกสักระยะ แต่ด้วยราคาของสินทรัพย์ที่ย่อลงมามากในช่วงก่อนหน้า ได้สะท้อนภาวะที่น่ากังวลไปมากแล้ว มูลค่าของสินทรัพย์จึงกลับมาน่าสนใจ รวมทั้งหากมีการกระจายการลงทุนในภูมิภาคอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็น่าจะช่วยเปิดรับโอกาสการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงได้ในช่วงการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงนี้
ตลาดเกิดใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมามีความผันผวนหนัก จากปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นแรงและค่าเงินที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ธนาคารกลางในหลายประเทศต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งท้ายสุดได้กดดันการบริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปีนี้ เราได้เห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ในหลากหลายประเทศ ทั้ง จีน อินเดีย และบราซิล รวมทั้งตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวและการเปิดประเทศหลังโควิด ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมภาคการผลิต การบริโภค ภาคธนาคาร และภาคเทคโนโลยี ต่างมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งการกระจายการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีโอกาสรับการเติบโตที่สูง รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อที่ไม่รุนแรง น่าจะสนับสนุนให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาคนี้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ตลาดปรับย่อลงในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำให้มูลค่าสินทรัพย์กลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง
นักลงทุนหันมาลงทุนในจีนมากขึ้น หลังรัฐบาลจีนลดความเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเปิดประเทศให้การเดินทางเข้าออกได้เสรีมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงได้ปรับตัวสูงขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ผมมองว่ามูลค่าของหุ้นจีนยังเป็นที่น่าสนใจ ประกอบกับการเปิดประเทศของจีนน่าจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดีกว่าที่คาดไว้ อีกทั้งน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีนในระยะต่อไป ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากขึ้น แต่ที่น่าระวังคือปัญหาด้านหนี้ภาคธุรกิจที่สูง รวมทั้งปัญหาฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังต้องระมัดระวัง ซึ่งนักลงทุนอาจลดน้ำหนักลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ และหาโอกาสการลงทุนในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมและการบริโภค ซึ่งน่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของจีนน่าจะฟื้นตัวหรือมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งนักลงทุนอาจหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นประเภทนี้ได้
การลงทุนในตราสารหนี้กลุ่ม Investment Grade กลับมาเป็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มย่อตัวลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ที่ทำให้นักลงทุนสามารถได้ประโยชน์จากราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นและการได้รับผลตอบแทนต่อเนื่องในระดับที่น่าพอใจ โดยนักลงทุนอาจหาจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง โดยอาจระมัดระวังความผันผวนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรตามทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่อาจกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับสูงขึ้นไปกว่านี้ได้ แต่ผมมองว่าในระยะยาว นักลงทุนน่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะหลังจากที่เฟดใกล้จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้พื้นฐานการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแบบง่าย ๆ เพื่อจับทิศทางการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ และค้นหาหุ้นเด็ดในแต่ละช่วงเวลา สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Macro Analysis” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
หรือเรียนรู้แนวทางการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อการลงทุนรายกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมเจาะลึกเทคนิคในการจับจังหวะเปลี่ยนกลุ่มลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Sector Rotation” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่