“เคล็ด (ไม่) ลับ” เทคนิคแก้ปัญหาเงินขาดมือ...ตามสไตล์ “มนุษย์ฟรีแลนซ์” !!!

โดย SET X ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม
3 Min Read
18 ตุลาคม 2564
4.981k views
EP.8_TN size 1200x660_logo
In Focus

“อาชีพอิสระ” หรือ “ฟรีแลนซ์” มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ จึงควรรู้เทคนิคในการบริหารเงิน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเงินขาดมือ จะได้มีทั้งอิสระทางอาชีพ และอิสรภาพทางการเงิน...

“ปัญหาเงินขาดมือ” ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ในแง่ของธุรกิจ...เมื่อขาดสภาพคล่องก็อาจทำให้ธุรกิจสะดุดได้
ไม่ต่างกันกับคนทำงานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น “มนุษย์เงินเดือน” ที่มีรายได้ประจำ หรือ “มนุษย์ฟรีแลนซ์” ที่มีรายได้ตามงานที่ได้รับ ซึ่งหากชีวิตเกิดสะดุด การบริหารเงินเกิดขาดมือ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้ง่าย ๆ ยิ่งใน
ยุค COVID-19 เช่นนี้ การบริหารเงินที่ดีมีความสำคัญมาก…


โดยเฉพาะกลุ่มคนใน “อาชีพอิสระ” หรือ “อาชีพฟรีแลนซ์” ที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อหน่วยงานหรือองค์กรใด จะมีเงิน
รายได้หรือค่าจ้างเป็นครั้ง ๆ ไปหลังทำงานชิ้นนั้นเสร็จสิ้น ทำให้รายรับในแต่ละเดือนไม่มีความสม่ำเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนงานที่ทำและเม็ดเงินที่ได้รับในแต่ละครั้ง จึงยิ่งต้องบริหารเงินของตัวเองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ในวันนี้ เรามีเทคนิคการ “แบ่งเก็บเงิน 3 กอง” ที่เป็น เคล็ด (ไม่) ลับ ในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันสำหรับมนุษย์ฟรีแลนซ์ ที่มีรายได้แบบไม่สม่ำเสมอ มาแชร์เพื่อเป็นแนวทางหรือเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ได้ประยุกต์
ใช้กัน


“กองแรก
: เงินสำรองฉุกเฉิน” เป็นเงินที่เตรียมไว้รับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่ว่าจะทำงานฟรีแลนซ์แบบไหนก็ทำได้  ซึ่งวิธีการ คือ แบ่งเงินจากรายรับในแต่ละครั้งออกมาบางส่วน จะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือนของตัวบุคคลนั้น ๆ ด้วย ซึ่งโดยปกติ จะมีการแนะนำให้ทยอยเก็บให้ได้ 3-6 เท่า ของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อเก็บไว้ใช้ในช่วงที่ไม่มีรายได้แต่ยังมีรายจ่ายอยู่ เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าโทรศัพท์, ค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น


“การเกิดวิกฤติ
COVID-19 เรียกได้ว่ากระทบไปทุกอาชีพ และก็พบว่า... การเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน อาจเก็บมากกว่านี้ได้เช่นกัน ส่วนจะมีเงินสำรองจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นคำถามที่ตอบยากเพราะตัวเลขค่าใช้จ่ายของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน จึงทำให้คนที่ตอบคำถามได้ดีที่สุดก็เป็นตัวเรานั่นเอง”

SET2020_1Baht_Info05_V2.2_20210209

แล้วเราต้องเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเท่าไหร่ดี ?  เราอาจจะเริ่มลองคำนวณตัวเลข “ค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost)”  ที่จะต้องจ่ายออกเป็นประจำ หรือที่เรียกว่าภาระหนี้สินต่อเดือน เช่น ค่าผ่อนคอนโด ค่าผ่อนรถยนต์ ค่าน้ำมันรถ และ
ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น โดยเมื่อได้ตัวเลขที่ต้องจ่ายต่อเดือนนั้นมาแล้ว ขั้นตอนต่อมา ก็ลองคำนวณดูว่าเงินที่เราต้องจ่ายนี้ในช่วงระยะข้างหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน จะเป็นเงินประมาณเท่าไหร่  ซึ่งช่วงระยะเวลาที่ใช้ในการคำนวณนี้ก็อาจจะมีการปรับขึ้นลงได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น ค่าผ่อนคอนโด 15,000 บาท, ค่าผ่อนรถยนต์ 8,000 บาท, ค่าน้ำมันรถ 2,000 บาท และค่าโทรศัพท์ 700 บาท


“จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายคงที่รวมต่อเดือน
25,700 บาท เราจะต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินประมาณ 77,100 - 154,200 บาท*” (*ตัวเลขการคำนวณที่จะเกิดในกรอบช่วงเวลาระยะเวลา 3-6 เดือน ซึ่งเป็นการตั้งสมมุติฐานเท่านั้น โดยในสถานการณ์จริงอาจตั้งเป้าหมายเงินสำรองฉุกเฉิน 12 เดือน หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและปัจจัยต่างๆ)


“กองที่ 2
: เงินสำรองด้านสุขภาพ” เพื่อรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพที่หลายคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เป็นเงินที่แบ่งมาซื้อประกันเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่าง ๆ เงินสำรองด้านสุขภาพ จึงมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่อาการของโรคมีลักษณะรุนแรงต้องรักษาเป็นการเร่งด่วน หรือต้องผ่าตัดด่วน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต การมีประกันคุ้มครองก็อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลงได้


“ซึ่งการจะพิจารณาหรือคัดเลือกประกันที่มีความเหมาะสมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าประกันส่วนไหน
มีความเหมาะสมหรือคุ้มค่าที่สุด แต่ก็มีประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุบางรายการที่มีความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาก่อนตัดสินใจซื้อเช่นกัน”


มาถึง “กองที่ 3: เงินช่วยทำงาน” หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นส่วนของการลงทุนให้เงินช่วยทำงาน โดยแบ่งเงินมาลงทุนใน “กองทุนรวม” สร้างโอกาสให้เงินมีผลตอบแทนที่งอกเงย เพื่อช่วยให้มีรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง  ข้อดีคือมีผู้เชี่ยวชาญช่วยบริหารเงินให้ด้วย ซึ่งปัจจุบันกองทุนรวมสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่การลงทุนที่มี
ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง มีทั้งการลงทุนกับสินทรัพย์ที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยผลตอบแทนที่ได้ก็จะแตกต่างกัน ขึ้นกับประเภทกองทุนที่ไปลงทุนและความสามารถในการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุนนั่นเอง


“หากใครกังวลว่า แล้วถ้าจะลงทุนล่ะ..จะต้องใช้จำนวนเงินเท่าไหร่? จำนวนมากหรือเปล่า?  ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมในไทย มีการเปิดกองทุนที่ใช้เงินลงทุนไม่มากหลักร้อยก็สามารถลงทุนได้แล้ว หรือบางกองทุนก็ไม่ได้มีการกำหนดจำนวนลงทุนขั้นต่ำเลย เพื่อเปิดอิสระและโอกาสให้แก่ทุกคนที่สนใจจะลงทุน”


อย่าลืมว่า...ในแต่ละวันที่ผ่านไป เราไม่อาจรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สำหรับใครที่มีรายได้ประจำ อาจจะเกิดผลกระทบไม่มาก แต่กลุ่ม “อาชีพอิสระ” หรือ “อาชีพฟรีแลนซ์” นั้น มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ...ยิ่งต้องมีวินัยในการออม
‘มีมาก...ออมมาก มีน้อย...ออมน้อย’ สำคัญให้ทำอย่างสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามาอย่าลืมใช้สูตรแบ่งเงิน
3 กอง ข้างต้น เชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเงินขาดมือให้อยู่หมัด มีทั้งอิสระทางอาชีพและมีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างแน่นอน

 

 

>> สนใจเปิดบัญชีกองทุนรวม: คลิกเลย!!


คำเตือน: ผลตอบแทนในอดีต มิได้รับประกันถึงผลตอบแทนในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง: