10 อาวุธคู่กายของนักลงทุนสายเทรดเดอร์

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
9 พฤศจิกายน 2564
13.497k views
Inv_10 อาวุธคู่กายของนักลงทุนสายเทรดเดอร์_Thumbnail
Highlights

การเทรดหลายคนมักจะคิดว่าต้องทำกำไรให้ได้เยอะที่สุด แต่จริง ๆ แล้ว ควรขาดทุนให้น้อยที่สุดต่างหาก เพื่อให้เราสามารถรักษาเงินต้น รักษาหน้าตักไว้ เพื่อให้มีเม็ดเงินสำหรับการเทรดได้ต่อ ขาดทุนให้น้อย กำไรให้เยอะ รวมถึงต้องมีการบริหารความเสี่ยงหรือจำกัดความเสี่ยงที่ดี ก่อนลงทุนจึงต้องมองจุด Stop Loss ไว้เสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสที่จะขาดทุนและเพิ่มโอกาสสร้างผลกำไร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดให้ผู้คนต่างเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ชื่นชอบการซื้อขายหุ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หรือที่เรียกว่า สายเทรดเดอร์ (Trader Investor) เพราะสามารถสร้างผลกำไรได้ในช่วงระยะเวลาไม่นาน

 

อย่างไรก็ตาม การเป็นนักลงทุนสายเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การเฝ้าดูราคาหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีหลักการและทำความเข้าใจเครื่องมือที่จะช่วยวิเคราะห์ ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ความรู้และความชำนาญ ดังนั้น การศึกษารูปแบบของการซื้อขาย การตัดสินใจ การมีวินัยในการลงทุน และการมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น รอบคอบ ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างผลกำไรได้อย่างน่าประทับใจ

 

สำหรับผู้ที่เริ่มต้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจและมีหลักการเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดผลขาดทุนและเพิ่มโอกาสสร้างผลกำไร ดังนั้น ก่อนจะเป็นนักลงทุนสายเทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจในหลักการทั่วไป จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะซื้อและขายเมื่อใด

 

1. ความรู้คือพลัง

นอกเหนือจากความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการซื้อขายหุ้นขั้นพื้นฐานแล้ว สายเทรดเดอร์รายวันจำเป็นต้องอัพเดทข้อมูลข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อหุ้นอย่างสม่ำเสมอ เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจ นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เป็นต้น

 

2. แบ่งเงินลงทุนชัดเจน

ถามตัวเองว่าจะแบ่งเงินลงทุนก้อนหนึ่งที่ตัวเองพร้อมรับความเสี่ยงในการซื้อขายแต่ละครั้งแค่ไหน เช่น แบ่งเงินมาซื้อขาย 5% ของเงินลงทุนทั้งหมด แปลว่าหากมีเงินลงทุนในบัญชีซื้อขายหุ้น 100,000 บาท หมายความว่ามีความเต็มใจที่จะแบ่งเงินเพื่อมาซื้อขายรายวัน 5,000 บาท ที่สำคัญต้องมีวินัยอย่างมาก คำไหนคำนั้น ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ไม่ควรเพิ่มวงเงิน

 

3. จัดสรรเวลา

หากเข้าสู่การซื้อขาย นักลงทุนสายเทรดเดอร์ก็ต้องมีเวลาในการดูแลหุ้น ติดตามข้อมูลข่าวสารทั้งวัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นหรือหุ้นตัวนั้นก็สามารถตัดสินใจได้ทันที ต้องไม่ลืมว่าแค่เสี้ยววินาทีอาจหมายถึงกำไรก้อนโตหรือขาดทุนอย่างหนัก ดังนั้น กระบวนการสำคัญหนึ่ง คือ การจัดสรรเวลาให้ดีเพื่อติดตามตลาดและมองหาโอกาส ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงเวลาซื้อขาย อย่าลืมว่าความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญต่อผลกำไรและขาดทุน

 

4. เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ

สำหรับมือใหม่เพิ่งเข้าสู่วงการ ควรเน้นซื้อขายหุ้น 1 – 2 ตัว เพื่อจะได้มีเวลาติดตามข้อมูลและมองหาโอกาสได้สะดวกรวดเร็ว โดยเริ่มต้นจากการซื้อขายด้วยจำนวนหุ้นน้อย ๆ เช่น 200 หุ้น หรือ 500 หุ้น เป็นต้น ขณะเดียวกันก็สำรวจสไตล์การลงทุนของตัวเองไปด้วยว่าเป็นแนวทางที่ใช่หรือไม่ ถ้าคำตอบคือ “ใช่” ก็พัฒนาเพิ่มประสบการณ์ค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้า “ไม่ใช่” ก็ค้นหาสไตล์ที่เหมาะสมกันต่อไป

 

5. หลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐาน สภาพคล่องต่ำ

หุ้นที่สามารถซื้อขายรายวันและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ไม่จำเป็นต้องมีราคาต่ำ สภาพคล่องน้อย และไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ตรงกันข้ามหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาหุ้นอาจจะไม่ต่ำ และสภาพคล่องเยอะก็สามารถซื้อขายและทำกำไรระหว่างวันได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน อย่าลืมว่าหุ้นที่สภาพคล่องต่ำเมื่อซื้อไปแล้วอาจออกได้ยากหากต้องการขาย หรือหุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับอาจมีโอกาสขาดทุนหนักมากกว่าจะได้กำไร

 

6. จับเวลาการซื้อขาย

เมื่อเอ่ยถึงสายเทรดเดอร์ อาจนึกถึงการซื้อขายกันเป็นรายนาที ซึ่งนักลงทุนที่ชำนาญจะสามารถจดจำรูปแบบและเลือกหุ้นได้อย่างเหมาะสมเพื่อทำกำไร โดยจะส่งคำสั่งซื้อ จากนั้นจะประเมินว่าควรขายในเวลาเท่าไหร่ ดังนั้น สำหรับมือใหม่อาจทำสถิติและจดบันทึกเอาไว้ว่าหุ้นแต่ละตัวนั้นมีความเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร เช่น ราคาหุ้น ปริมาณการซื้อขายในช่วง 10 - 20 นาทีแรกขยับขึ้นลงเป็นอย่างไร เป็นต้น และดูความผันผวน ความเคลื่อนไหวเป็นรายนาที ซึ่งการจดบันทึกสถิติต่าง ๆ ไว้ จะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินเพื่อตัดสินใจได้ พูดง่าย ๆ คือ ดีกว่าลงทุนแล้วไม่มีข้อมูลอะไรเลย

 

7. ตัดขาดทุนตั้งแต่ส่งคำสั่งซื้อ

เป้าหมายของการซื้อขายรายวัน คือ ทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain) ดังนั้น นักลงทุนคาดหวังว่าจะต้องซื้อและขายได้ในราคาที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น แต่ในโลกของความจริงไม่มีใครรับประกันราคาที่ดีที่สุดได้ ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในสายเทรดเดอร์ ประการแรกให้คำนึงถึงความเสี่ยงก่อนผลตอบแทน นั่นคือ เมื่อส่งคำสั่งซื้อไปแล้วก็ต้องกำหนดจุดตัดขาดทุน (Cut Loss) ด้วย เพราะจะช่วยจำกัดความเสี่ยงได้ เป็นวิธีตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ง่ายและทำได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยนำ % ที่รับได้หากขาดทุน (หรือ % Stop Loss) มาคูณกับราคาต้นทุนที่ซื้อ เช่น ซื้อไว้ที่ราคาต้นทุนหุ้นละ 10 บาท ตั้ง % ตัดขาดทุนไว้ที่ 5% คำนวณจุดหยุดขาดทุนได้ 10 x 5% = 0.50 บาท

 

หมายความว่า จะยอมรับการขาดทุนได้ที่ 0.5 บาทต่อหุ้น ดังนั้น หากราคาหุ้นที่ถือลดลงจาก 10 บาท เป็น 9.50 (10 - 0.50) บาท ต้องตัดสินใจขาย โดยการตั้ง % หยุดขาดทุนนั้นเป็นค่าที่ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถยอมรับได้และความเต็มใจในการยอมขาดทุน ซึ่งผู้ที่ชำนาญจะใช้กลยุทธ์วางจุดตัดขาดทุนพร้อม ๆ กับการส่งคำสั่งซื้อหุ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง เพราะสิ่งสำคัญที่ยิ่งกว่าการลงทุนให้ได้กำไร คือ การพยายามรักษาเงินต้นเอาไว้ และหยุดการขาดทุนให้ได้เร็วที่สุด

 

8. อยู่กับโลกของความเป็นจริง

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ไม่จำเป็นต้องได้กำไรตลอดเวลา ขอเพียงลงทุนแล้ว “ชนะ” มากกว่า “แพ้” เช่น ลงทุน 10 ครั้ง ทำกำไรได้ 7 ครั้ง เป็นต้น ขณะเดียวกันไม่จำเป็นต้องเข้าไปซื้อขายทุกวัน แต่ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการซื้อขายแต่ละครั้งเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ และขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า อย่าลืมมองความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างจากผลตอบแทน

 

9. ใจเย็น ๆ

การลงทุนสายเทรดเดอร์อาจต้องเผชิญกับบททดสอบด้านจิตใจ โดยเฉพาะความโลภ ดังนั้น ต้องเรียนรู้ที่จะรักษาความหวังและความกลัว หมายความว่า การตัดสินใจลงทุนแต่ละครั้งควรอยู่ภายใต้เหตุและผล ไม่ใช่อารมณ์

 

10. ยึดมั่นในแผน

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ไม่จำเป็นต้องคิดเร็ว เพราะพวกเขาได้วางกลยุทธ์การซื้อขายเอาไว้ล่วงหน้าควบคู่ไปกับมีวินัยในการลงทุน สิ่งสำคัญ คือ ต้องติดตามการแผนลงทุนอย่างใกล้ชิดและยึดมั่นแผนการลงทุนที่วางไว้ตั้งแต่ต้น

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับมือใหม่หัดลงทุนหรือใครที่ขายหุ้นไม่ค่อยทัน ไม่รู้จะตั้งจุด Stop Loss อย่างไร อยากได้ตัวช่วยเจ๋ง ๆ ปัจจุบัน Settrade Streaming มีฟังก์ชันที่ชื่อว่า “Settrade Conditional Order” ที่สามารถตั้งคำสั่งเพื่อ Take Profit หรือ Cut Loss ล่วงหน้า เมื่อราคาขยับไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ ระบบจะดำเนินการให้อัตโนมัติ ซึ่งสามารถตั้งเงื่อนไขได้ทั้งหุ้นขึ้นหรือหุ้นลง บอกลาปัญหานั่งเฝ้าหน้าจอไปได้เลย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >> คลิกที่นี่

 

หรือมือใหม่ที่สนใจเรียนรู้เทคนิคการอ่านสัญญาณซื้อและสัญญาขายเบื้องต้นด้วย Technical Indicators ยอดฮิต เช่น Moving Averages, MACD, RSI, Volume, OBV ผ่านโปรแกรม Settrade Streaming เพื่อหาจุดซื้อ จุดขาย และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning หลักสูตร Technical Analysis : Indicators ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง: