ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาผมได้แนะนำเรื่องการมองตลาดแบบ Thematic Investor (TI) อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงได้รู้จักธีมการลงทุนใหม่ ๆ และวิธีเปรียบเทียบการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกันไปและลองปรับใช้กับพอร์ตลงทุนของตัวเองมาบ้างแล้ว
อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดเป้าหมายของนักลงทุนส่วนมากคงหนีไม่พ้น “กำไร”
ในเดือนนี้ ผมจึงเลือกวิเคราะห์ธีม Industry Revolution หรือ “ธีมปฏิวัติอุตสาหกรรม” เพราะเป็นกลุ่ม Thematic Investing ที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในปี 2021 และมีโอกาสได้รับแรงหนุนด้านการทำกำไรจากวัฏจักรเศรษฐกิจต่อเนื่องในปี 2022
เมื่อพูดถึงธีม Industry Revolution ในมุมมองของ TI จะหมายถึงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่มี Artificial Intelligence, Robotics, Automation และ Energy Storage รวมอยู่ด้วยกัน
การจัดกลุ่มของธีมจะเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม กระบวนการผลิตที่ดีกว่าแบบดั้งเดิมทุกองศา วัตถุดิบที่มีโอกาสลดต้นทุนได้มหาศาล และโครงสร้างธุรกิจที่คาดว่าจะสร้างกำไรได้แบบ Mass Production ในอนาคต
ในปี 2021 การลงทุนในธีม Industry Revolution ปรับตัวขึ้นได้ดีมากจากหลายเหตุผล
ในเชิงโครงสร้าง เริ่มได้รับแรงหนุนจากจำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลงทั่วโลก และการเปิดรับเทคโนโลยีหลังวิกฤติโควิด-19 ส่วนในเชิงวัฏจักร ก็มีแรงหนุนจากความจำเป็นที่จะต้องจัดระเบียบ Supply chain ใหม่ ราคาสินค้าตั้งต้นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นแทบทั้งหมด ทำให้โลกการเงินตื่นตัวกับการนำหุ่นยนต์และ AI มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม ส่วนในฝั่งเทคโนโลยีก็ถือว่ามีความพร้อมสูง เนื่องจากมีการพัฒนาที่ต่อเนื่องมากว่า 10 ปี เรียกได้ว่าเป็น META (Most Effective Theme Available) ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญของธีม Industry Revolution ไม่ได้อยู่ที่การสร้างกำไร แต่อยู่ที่การบริหารความคาดหวังของสังคมและภาครัฐ
การปฏิวัติอุตสาหกรรมกำลังเกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีสามารถทำกำไรได้ชัดเจน แต่ในทางตรงข้าม เมื่อมีกำไรแรงสนับสนุนของภาครัฐก็จะลดลง และเมื่อทำรายได้ไปจนถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นภาษี
ส่วนด้านสังคมก็ต้องบริหารความคาดหวังของผู้ใช้งาน เพราะถ้าเข้ามามีบทบาทมากไป ก็อาจสร้างความกลัวหรือความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว กลัวว่าหุ่นยนต์จะแย่งงาน หรือควบคุมมนุษย์ รวมถึงสร้างความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ยังอาจทำให้การเปิดใจรับเทคโนโลยีและโอกาสทางธุรกิจลดลง
ส่วนมุมมองด้านพื้นฐาน ธีม Industry Revolution มักประกอบด้วยบริษัทที่มียอดขายสูงและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
ผมใช้ข้อมูลจาก Bloomberg กรอง Thematic ETF ปัจจุบันมี 194 กองทุน และจัด 15 ETFs เข้ามาในธีมปฏิวัติอุตสาหกรรมตามเป้าหมายการลงทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ย. 64)
พบว่าโดยเฉลี่ยธีมนี้มี P/E 80x ถือว่าค่อนข้างแพง แต่ก็มี P/Sales 3x และ P/Cash Flow เพียง 28x เรียกว่าเป็นธุรกิจสายป่านยาวที่ขายได้จริงกว่าธีม Hyper-Growth อื่น ๆ
ส่วนสไตล์การลงทุนจะเป็น Cyclical Growth and Value สังเกตได้จากความสัมพันธ์ (Correlation) กับราคาน้ำมันดิบที่ 0.3 ใกล้เคียงกับธีม Sustainable Energy นอกจากนี้ยังมี Correlation กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) 10 ปี และ 30 ปี ราว 0.25 มากกว่า Thematic Investing อื่น ๆ พอสมควร
หมายความว่า อนาคตของธีมจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาพเศรษฐกิจมากกว่าธีมอื่น ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงเติบโต ธีม Industry Revolution ก็จะได้รับแรงหนุนจากตลาดต่อเนื่องไปพร้อมกันด้วย
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในธีมนี้ ต้องไม่พลาดที่จะรู้จัก 3 กองทุนรวม ETF ที่โดดเด่นในปัจจุบันได้แก่ ARKQ, BOTZ, และ THNQ
ARK Autonomous Technology & Robotics ETF ตัวย่อ ARKQ
Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF ตัวย่อ BOTZ
ROBO Global Artificial Intelligence Index ETF ตัวย่อ THNQ
โดยสรุป ผมมองว่าธีม Industrial Revolution มีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งธุรกิจทันสมัยทำกำไรได้ และมี AI ช่วยเพิ่มความฉลาดเฉลียว แต่ความเสี่ยงก็แน่นอนว่าในอนาคตต้องมีกฎระเบียบที่มากขึ้น และความคาดหวังของสังคมเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอยู่ตลอดเวลา
ธีมนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าวัฏจักรเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้นจากการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และความร่วมมือระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์
หมายเหตุ : ชื่อกองทุนรวม ETF ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวม ETF แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน ผลตอบแทนและความเสี่ยง สิทธิประโยชน์ทางภาษี และวิธีซื้อขายกองทุน ETF พร้อมเทคนิคการลงทุนอย่างมืออาชีพ ผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้ลงทุน ETF” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่