สำรวจสินทรัพย์ตัวเองก่อนคิดว่าจะลงทุนอะไร

โดย กวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content สายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ. หลักทรัพย์ พาย
3 Min Read
28 ตุลาคม 2564
3.914k views
Inv_สำรวจสินทรัพย์ตัวเองก่อนคิดว่าจะลงทุนอะไร_Thumbnail
Highlights
  • การสำรวจสินทรัพย์ของตัวเองก่อนลงทุน จะทำให้เราทราบว่า จะต้องมีสินทรัพย์เท่าไรถึงจะเกษียณได้ จะต้องลงทุนอะไร ลงทุนเท่าไร และลงทุนอย่างไร

  • การสำรวจสินทรัพย์ ทำได้ด้วยการทำงบการเงินของตัวเอง เพราะงบการเงินจะช่วยให้เราประเมินสถานะทางการเงินของตัวเองได้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการทราบสถานะทางการเงินของตัวเอง จะเป็นก้าวแรกที่ช่วยให้เรารู้ว่าจะต้องบริหารจัดการเงินอย่างไร จะเริ่มลงทุนอะไร ลงทุนเท่าไร ลงทุนนานแค่ไหน และรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด

“ใครเคยทำงบการเงินของตัวเองบ้างยกมือขึ้น ทำไมผมไม่เห็นคนยกมือเลยครับ” นี่คือคำถามที่ผมมักจะถามผู้เข้าเรียนคอร์สที่เกี่ยวกับการลงทุนของผม และคำตอบที่ผมได้รับคือไม่มีใครทำ

 

ทำไมผมถึงถามคำถามนี้ ผมขอตอบคำถามนี้แบบยกตัวอย่างให้เห็นละกันว่า บริษัทที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศหรือแม้กระทั่งในโลกไม่ว่าจะเล็ก กลาง หรือใหญ่ ขนาดไหนก็ตาม ล้วนแล้วแต่จัดทำงบการเงินบริษัททั้งสิ้น เพราะงบการเงิน คือ งบที่แสดงฐานะทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของความมั่นคงและความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้จะได้นำข้อมูลในงบการเงินไปปรับปรุงและพัฒนาบริษัทให้มีคุณภาพมากขึ้น (ไม่ได้จัดทำมาเพื่อเสียภาษีให้ภาครัฐอย่างเดียวนะครับ) สำคัญถึงขนาดคนเรียนด้านการตลาด การบัญชี การเงิน หรือ เศรษฐศาสตร์ ล้วนแล้วแต่ต้องเรียนรู้วิธีการจัดทำงบการเงินสำหรับผู้บริหารเพื่อนำไปใช้ในการประเมินบริษัทกันทั้งนั้น แยกออกจากการจัดทำงบการเงินตามกฎหมายหรือตามมาตรฐานทางบัญชีกันเลยทีเดียว

 

ดังนั้น เราต้องประเมินก่อนว่าปัจจุบันเรามีสถานะทางการเงินเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญในอนาคตว่าเราจะวางแผนการออมการลงทุนอย่างไร นอกจากนั้นเราจะได้รู้ว่าเราควรจัดการเรื่องการหารายได้และการจับจ่ายใช้สอยอย่างไร เพื่อสุดท้ายเราจะก้าวไปสู่เป้าหมายการมีอิสรภาพทางการเงินได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องหลัก ๆ ที่ผมจะคุยในบทความต่อ ๆ ไป

 

การสร้างงบการเงินของตัวเองหรือของครอบครัวถือเป็นก้าวแรกที่เราต้องทำเพื่อบริหารจัดการเงิน ก่อนที่เราจะไปตั้งคำถามว่าเราจะลงทุนอะไร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ทองคำ น้ำมัน คริปโตเคอร์เรนซี และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างรายได้เสริม หรือสร้างสินทรัพย์ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เพราะหากแม้กระทั่งสถานะทางการเงินของเราเป็นยังไง เรายังไม่รู้ แล้วเราจะก้าวต่อไปอย่างไร เช่น จะเริ่มลงทุนอะไร ลงทุนเท่าไร ลงทุนนานแค่ไหน รับความเสี่ยงได้เท่าไร และอีกหลายคำถามที่เราจะตอบไม่ได้หรือตอบได้ไม่ชัดเจน หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือตอบผิด และส่งผลให้ก้าวต่อ ๆ ไปของเราผิดไปด้วย เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อไปก็ไม่ต้องพูดว่าจะถูก

 

งั้นเรามาเรียนรู้กันว่า เราจะสร้างงบการเงินส่วนตัวได้อย่างไร ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนว่างบการเงินแบ่งออกเป็น 3 งบหลัก ได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบแสดงกระแสเงินสด แต่เราจะเน้นและใส่ใจแค่ 2 งบ นั่นคือ งบดุลและงบกำไรขาดทุน โดยในตอนนี้เรามาเรียนรู้การสร้างงบดุลแบบง่าย ๆ กันก่อน (สำคัญจริง ๆ อยากให้เริ่มทำกัน)

Inv_สำรวจสินทรัพย์ตัวเองก่อนคิดว่าจะลงทุนอะไร_01

งบดุล คือ งบที่แสดงฐานะทางการเงิน ประกอบไปด้วยสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนทุน (ดังรูป) โดยสินทรัพย์จริง ๆ หากเป็นของบริษัทมีความหลากหลายมาก ๆ แต่ในงบดุลส่วนตัวผมขอแบ่งออกเป็น 4 สินทรัพย์

  1. เงินสด
  2. สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ที่ได้กระแสเงินสดรับเป็นดอกเบี้ย หุ้นที่ได้รับเงินปันผล หรือกองทุนรวมต่าง ๆ ทั้งที่ปันผลหรือไม่ปันผลด้วยก็ได้ (เพราะจริง ๆ แล้วดอกเบี้ยหรือเงินปันผลก็จะถูกเก็บไว้ในกองทุนแม้จะไม่ได้จ่ายออกมาก็ตาม) หรือบ้าน คอนโดมิเนียมที่ปล่อยเช่าและมีรายได้จากค่าเช่า เป็นต้น
  3. สินทรัพย์จำเป็น เช่น บ้าน รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ซึ่งเรามีความจำเป็นต้องมีในการใช้ชีวิต
  4. สินทรัพย์อื่น ๆ ที่ไม่ได้สร้างรายได้ เช่น ทองคำหรือกองทุนรวมทองคำ หรือแม้กระทั่งเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี และของสะสมต่าง ๆ ก็อยากให้บันทึกไว้ในสินทรัพย์นี้ เพราะทองคำหรือคริปโตเคอร์เรนซีนั้นต้องเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วการถือสินทรัพย์ดังกล่าวไม่ได้สร้างกระแสเงินสดรับให้เหมือนดอกเบี้ย เงินปันผล หรือค่าเช่า แต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ตาม ผมข้อเน้นย้ำไว้สองเรื่อง คือ หนึ่ง ไม่ว่าจะบันทึกมูลค่าของสินทรัพย์ใดก็ตาม ผมขอให้บันทึกเฉพาะสินทรัพย์ที่คาดว่าจะขายแล้วได้ราคากลับมา ไม่ต้องบันทึกสินทรัพย์ที่ต้องทิ้งหรือขายแล้วไม่ได้ราคาแน่นอน สอง สินทรัพย์ที่สามารถบันทึกราคาตลาดได้ง่าย เช่น หุ้น กองทุนรวม ถ้าอัปเดตทุกเดือนได้จะดีมาก

 

ส่วนของหนี้สิน มีทั้งเงินกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อโทรศัพท์มือถือ เงินกู้บัตรเครดิต เงินกู้ส่วนบุคคล หรือแม้กระทั่งจ่ายแบบผ่อน 0% 10 เดือน ทั้งนี้หากมีการชำระเงินต้นคืนแล้วก็ให้นำมาลบออก และสุดท้ายคือ ส่วนทุน หรือฐานะสินทรัพย์จริง ๆ ที่เรามีอยู่ ซึ่งไม่ต้องบันทึกอะไร เพราะส่วนทุน คือ ส่วนของสินทรัพย์รวม แล้วนำมาลบด้วยหนี้สิน ซึ่งหากเป็นบวกในปริมาณที่มากกว่ารายได้ 12 เดือนขึ้นไป ผมขอแสดงความยินดีด้วย อย่างน้อยท่านก็มีฐานะเป็นบวก แต่เพียงแค่ 12 เท่าของรายได้ต่อเดือนนั้นไม่พอหากเราต้องการเกษียณหรือต้องการมีอิสรภาพทางการเงิน แต่ต้องการส่วนทุนเท่าไรผมจะมาตอบในตอนต่อไป และท่านต้องมีงบกำไรขาดทุนส่วนตัวมาประกอบการพิจารณาด้วย

 

อย่างไรก็ตาม การมีงบดุลอย่างน้อยท่านจะได้รู้ว่าฐานะท่านเป็นอย่างไร ยิ่งหากเป็นบวกไม่มากหรือถึงขั้นติดลบ ภาษาทางการเงินเขาจะเรียกว่า “มีหนี้สินล้นพ้นตัว” ยิ่งต้องระมัดระวังตัวไม่ใช้เงินเกินตัวอีก และต้องตระหนักว่าเราต้องทำบางอย่างแล้วละหากอยากมีอิสรภาพทางการเงิน ที่คนไทยมีเพียง 5% หรืออาจน้อยกว่าที่ทำได้

 

ดังนั้น หากส่วนทุนของเรามีจำนวนน้อย และหากน้อยกว่าหนี้สินก็แสดงว่าฐานะของเรายังไม่ดีพอ ให้เราเริ่มพยายามทำตามนี้ ตั้งแต่วันนี้เลยคือ “ลดหนี้สินให้เร็วที่สุด” ซึ่งสามารถทำได้สองวิธี

  1. หยุดสร้างหนี้สินใหม่ ด้วยการหยุดซื้อสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนหุ้นที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “หากคุณซื้อของที่ไม่จำเป็น คุณจะจบด้วยการขายของที่จำเป็นออกไป”
  2. คืนหนี้สินให้เร็วที่สุด โดยให้เริ่มจากการชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก

 

อย่างไรก็ตาม การคืนหนี้สินให้ได้เร็วที่สุดนั้น เราจำเป็นต้องทำอีกงบหนึ่ง นั้นคือ งบกำไรขาดทุน หรือจริง ๆ สำหรับเรา คือ งบรายได้และค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเราได้ทำครบทั้ง 2 งบ แล้วเราจะได้รู้อะไรหลายอย่าง เช่น จะต้องมีสินทรัพย์เท่าไรถึงจะเกษียณได้ จะต้องลงทุนเท่าไร ลงทุนอย่างไรเพื่อให้เกษียณได้ และสามารถมีชีวิตหลังเกษียณอย่างสบายได้อย่างไร นั้นคือที่มาว่า ทำไมผมถึงต้องให้ทุกคนสำรวจตัวเองก่อน และเริ่มด้วยการพยายามทำให้ส่วนของทุนเราเพิ่มขึ้นให้ได้ก่อน หลังจากนั้นในตอนต่อไปเราจะมาเรียนรู้กันว่าจะทำให้ส่วนทุนของเราเพิ่มขึ้นให้เร็วขึ้นได้อย่างไร


สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่สนใจเรียนรู้พื้นฐานการลงทุนในหุ้น ผลตอบแทน ความเสี่ยง และภาษีจากการลงทุน ตลอดจนการวิเคราะห์หุ้น วิธีการซื้อขายหุ้น และสิทธิของผู้ถือหุ้น เพื่อเตรียมพร้อมก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุนหุ้นฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง: