เลือกหุ้น Domestic Play - Global Play ให้เป็น เห็นกำไร

“สถานการณ์แบบนี้ เลือกหุ้นอะไรดี” เป็นคำถามสุดฮิตหนึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่นักลงทุนมักถามนักวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจลงทุน และคำตอบสุดฮิตหนึ่งในนั้น ก็คือ “สถานการณ์แบบนี้อาจเน้นลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic Play หรือ Global Play”  

หลายคนอาจสงสัยต่อว่า แล้วหุ้นกลุ่ม Domestic Play กับ Global Play นั้น แตกต่างกันอย่างไร ที่สำคัญสถานการณ์แบบไหนควรเน้นหุ้นกลุ่ม Domestic Play หรือ Global Play

เริ่มกันที่หุ้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศหรือหุ้นที่มีการฟื้นตัวไปกับภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งการดูว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างไร ให้ดูองค์ประกอบ 4 ส่วน

1. การบริโภคภาคครัวเรือน (Private Consumption, C)
2. การลงทุนภาคเอกชน (Private Investment, I)
3. การลงทุน-จับจ่ายใช้สอยของภาครัฐบาล (Government Expenditure, G)
4. การค้าระหว่างประเทศ (Export-Import, X-M)

สำหรับหุ้นกลุ่ม Global Play เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกหรือผลประกอบการที่มีการพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก มีลักษณะใน 2 มิติ ดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเกี่ยวข้องกับกลไกราคาของตลาดโลก เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เพราะราคาถูกควบคุมโดยกลไกตลาดโลก ดังนั้น กำลังซื้อภายในประเทศจึงไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่
2. บริษัทที่มีการขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้าได้ขยายธุรกิจไปสร้างโรงไฟฟ้าหรือซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ธุรกิจค้าปลีกขยายธุรกิจไปเปิดสาขาในต่างประเทศ เป็นต้น

ตัดสินใจลงทุนอย่างไร

การตัดสินใจลงทุน ว่าจะลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic Play หรือ Global Play นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา เช่น เลือกลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic Play ในช่วงที่ประเมินว่าภาพรวมของเศรษฐกิจโลกซบเซา ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศถึงแม้จะไม่โดดเด่นแต่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ในช่วง COVID-19 ภาครัฐกระตุ้นการบริโภคผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้งมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการดูแลครัวเรือนและการจ้างงาน และมาตรการรักษาเสถียรภาพ

ดังนั้น นักลงทุนต้องประเมินว่าธุรกิจใดจะได้รับประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้ เช่น ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค หรือหากรัฐบาลเพิ่มการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอย กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น

หรือจากการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มจาก ศบค. การทยอยกลับมาเปิดเมือง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวจากตลาดภายในประเทศและตามมาด้วยนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง เช่น ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร การแพทย์ หรือธนาคาร เป็นต้น

เช่นเดียวกันกับหุ้นกลุ่ม Global Play ก็ควรเลือกหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหรือได้รับประโยชน์จากกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวที่ธุรกิจสามารถส่งออกหรือไปลงทุนได้ เช่น ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ปี 2564 การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในประเทศที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงและมีผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ในทางกลับกันมีสินค้าบางประเภทที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ทำให้หุ้นหลายตัวได้รับประโยชน์และราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นตาม โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เช่น กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงานและปิโตรเคมี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และยางพารา เป็นต้น

นั่นหมายความว่า หากนักลงทุนหาหุ้นที่ได้รับประโยชน์ในช่วงสถานการณ์ภายในประเทศดีหรือช่วงที่เศรษฐกิจโลกสดใสได้ถูกต้อง แม่นยำ ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี

ลักษณะพื้นฐานที่หุ้น Domestic Play และ Global Play ควรมี
นอกจากจะอยู่ในอุตสาหกรรมโดยตรงที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับโลก รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแล้ว หุ้นที่ดีและน่าลงทุนควรมีลักษณะทางปัจจัยพื้นฐานที่โดดเด่นด้วย ดังนี้

• เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถือเป็นหลักประกันที่มั่นคงประการหนึ่งถึงโอกาสในการได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ ดังนั้น ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้นำในธุรกิจนั้น ๆ เช่น มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือมีความสามารถเชิงการแข่งขันสูง เป็นต้น
• ความพร้อมทางการเงิน การดำเนินกิจการหรือขยายธุรกิจจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพร้อมของกิจการและรูปแบบโครงการ ดังนั้น หากฐานะทางการเงินของบริษัทไม่แข็งแกร่งอาจทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับประโยชน์หรืออาจทำให้ขีดความสามารถในการทำกำไรจากโครงการต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
• ประสิทธิภาพในการทำกำไร การดำเนินธุรกิจไม่ได้หมายความว่าจะต้องสร้างกำไรสูงเสมอไป ทั้งนี้ ตัวแปรที่สำคัญเป็นเรื่องของขีดความสามารถของผู้บริหารในการบริหารจัดการ ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละบริษัท ดังนั้น ในการเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนควรเน้นไปที่บริษัทที่มี Profit Margin สูง
• ราคาหุ้นไม่สูงเกินไป ความเหมาะสมของราคาหุ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดผลตอบแทนในอนาคต เพราะถึงแม้นักลงทุนจะสามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนและเลือกหุ้นได้ถูกต้อง แต่หากเข้าลงทุนด้วยราคาหุ้นที่แพงเกินไปก็อาจทำให้ได้ผลตอบแทนจำกัด วิธีการพิจารณาว่าหุ้นถูกหรือแพงในเบื้องต้นอาจวัดจากค่า P/E Ratio ซึ่งอาจพิจารณาเทียบเคียงกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตที่ผ่านมา

ควรเข้าซื้อขายหุ้นตอนไหน ดูจากอะไร

หุ้นกลุ่ม Domestic Play หรือ Global Play มีทั้งประเภทที่ลงทุนแบบเก็งกำไร และลงทุนระยะกลางไปจนถึงระยะยาว ซึ่งหุ้นทั้ง 2 ประเภทนี้ มีรูปแบบและจังหวะการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยหุ้นเก็งกำไร มักจะมีแรงซื้อเข้ามาเมื่อเริ่มมีกระแสข่าวเรื่องการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เผยแพร่ออกมา หลังจากนั้นจะถูกหยิบขึ้นมาเก็งกำไรเป็นช่วง ๆ ตามข่าวความคืบหน้าของการดำเนินนโยบาย และมักจะมีการซื้อขายหลายรอบ ดังนั้น การเข้าทำการซื้อขายต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและตัดสินใจซื้อขายอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ในการซื้อขายแต่ละรอบก็ต้องพิจารณาองค์ประกอบด้านการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคประกอบด้วย

ส่วนหุ้นที่ลงทุนระยะกลางไปจนถึงระยะยาว การตัดสินใจก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการติดตามข่าวสารเช่นกัน แต่ต้องให้น้ำหนักมากขึ้นสำหรับการเลือกหุ้นที่จะเข้าลงทุน โดยต้องพิจารณาถึงเรื่องความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ความพร้อมทางการเงิน ประสิทธิภาพการทำกำไร และระดับราคาหุ้นที่ต้องต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมทางปัจจัยพื้นฐาน

สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจ เรียนรู้ภาพรวมของหุ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งลักษณะการดำเนินงานและปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องพิจารณาในแต่ละอุตสาหกรรม ตลอดจนสามารถใช้เครื่องมือเพื่อวิเคราะห์หาโอกาสลงทุน ค้นหาหุ้นดีในอุตสาหกรรมที่โดดเด่น น่าลงทุน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Sector Analysis” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน