ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน

โดย กวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content สายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ. หลักทรัพย์ พาย
3 Min Read
28 พฤศจิกายน 2565
7.25k views
Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_Thumbnail
Highlights
  • อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน นักลงทุนสามารถใช้ดูสภาพคล่องของกิจการว่ามีศักยภาพในการชำระหนี้ระยะสั้นได้หรือไม่ โดยอัตราส่วนนี้ยิ่งมากยิ่งดี

  • ถ้าอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 1 แสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องดี เพราะมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้ที่ต้องจ่ายใน 1 ปี แต่ถ้าน้อยกว่า 1 แสดงว่าบริษัทอาจมีปัญหาในการจ่ายหนี้ เพราะมีสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่าหนี้สินที่ต้องจ่ายใน 1 ปี

  • ในธุรกิจค้าปลีก อัตราส่วนนี้อาจน้อยกว่า 1 ได้ เพราะมีเจ้าหนี้การค้ามาก ซึ่งเจ้าหนี้การค้า คือ คนที่เอาของมาวางให้ขายก่อน แล้วเก็บเงินทีหลัง เจ้าหนี้การค้าถือเป็นหนี้สินหมุนเวียน เพราะฉะนั้นในการดูสภาพคล่องของธุรกิจค้าปลีกต้องดูวงจรเงินสดประกอบด้วย โดยวงจรเงินสดยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะสามารถเก็บหนี้ได้เร็ว

เคยได้ยินไหมครับ “Cash is King” คำพูดนี้เราจะได้ยินบ่อยมากขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะบริษัทที่มีกระแสเงินสดไม่ดี อาจประสบปัญหาถึงขั้นล้มละลายได้ หรือบางบริษัทอาจผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาได้ แต่ไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจได้เหมือนเดิม หรืออาจไม่จำเป็นต้องเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ถ้าบริษัทไม่สามารถบริหารสภาพคล่องหรือบริหารเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจประสบปัญหาได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินจึงมีความสำคัญต่อความยั่งยืนของบริษัทในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งทางการเงินอาจหมายถึงศักยภาพในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งได้ด้วย เรามาดูกันว่าฐานะทางการเงินของบริษัทนั้นมีวิธีการวิเคราะห์อย่างไร โดยอัตราส่วนทางการเงินที่มักใช้ในการวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทประกอบด้วย

  1. อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio)
  2. วงจรเงินสด (Cash Cycle)
  3. อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio)
  4. อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest Bearing Debt to Equity Ratio)
  5. อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Debt to Equity Ratio)

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะลงรายละเอียดของแต่ละอัตราส่วนทางการเงิน เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่บริษัทมีหนี้สินสูง ไม่ได้หมายความว่าเป็นบริษัทที่ไม่ดี เพราะบางธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ โดยเฉพาะเงินกู้เพื่อการดำเนินธุรกิจ เช่น เงินกู้ระยะสั้นเพื่อซื้อวัตถุดิบ เป็นต้น ดังนั้น การจะตัดสินใจว่าบริษัทนี้มีฐานะทางการเงินดีหรือไม่ อาจต้องเปรียบเทียบอัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ กับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และห้ามเปรียบเทียบอัตราส่วนทางการเงินกับคู่แข่งข้ามอุตสาหกรรม

 

มาเริ่มต้นที่อัตราส่วนแรกคือ อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน หรือ Current Ratio สามารถหาได้โดย

Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_01

สินทรัพย์ระยะสั้น คือ สินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายใน 1 ปี ขณะที่หนี้สินระยะสั้น คือ หนี้สินที่ต้องชำระภายใน 1 ปี ดังนั้น อัตราส่วนนี้จึงสามารถใช้วัดศักยภาพของบริษัทในการชำระหนี้ระยะสั้น ซึ่งหากอัตราส่วนดังกล่าวมากกว่า 1 เท่า แสดงว่าบริษัทมีสินทรัพย์ระยะสั้นเพียงพอที่จะชำระหนี้ระยะสั้นได้ มาลองหาอัตราส่วนนี้ของบริษัท CPALL กันดูว่าเป็นอย่างไร

Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_02

อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน ปี 2020 ของบริษัท CPALL     =      81,403      =      0.66 เท่า                                                                                                    123,382

Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_03

จะเห็นได้ว่า บริษัท CPALL มีอัตราส่วนดังกล่าวต่ำกว่า 1 เท่า ในปี 2020 และหากย้อนกลับไปดูในอดีตตั้งแต่ปี 2016 อัตราส่วนนี้ก็ต่ำกว่า 1 เท่ามาตลอด 5 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่า บริษัท CPALL ไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้ระยะสั้นหรือไม่ เพราะบริษัทมีหนี้สินระยะสั้นสูงกว่าสินทรัพย์ระยะสั้น แต่ก่อนจะตัดสินใจว่า บริษัท CPALL บริหารสภาพคล่องดีหรือไม่ อาจต้องมาวิเคราะห์เพิ่มเติมอีก 1 อัตราส่วน นั่นคือ วงจรเงินสด ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากแต่ค่อย ๆ ตามมาครับ

 

วงจรเงินสด หรือ Cash Cycle คือ จำนวนวันที่กิจการจะได้รับเงินสดจากการดำเนินงานหรือการดำเนินธุรกิจ เช่น ถ้าเป็นโรงงานผลิตสินค้าก็นับตั้งแต่วันแรกที่สั่งวัตถุดิบ ผลิตเป็นสินค้าเพื่อขาย จนถึงวันที่ได้รับเงินสดจากลูกค้าว่าเป็นเวลากี่วัน หรือหากเป็นธุรกิจบริการก็เช่นกัน คือนับตั้งแต่วันแรกที่ให้บริการ จนถึงวันที่ได้รับเงินสดจากลูกค้า ใช้เวลากี่วัน ซึ่งสามารถหาได้จากสมการ

Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_04
Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_05
Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_04.1
Inv_ฐานะทางการเงินของบริษัท ไม่ได้บอกแค่ความมั่นคงทางการเงิน_06

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า วงจรเงินสดยิ่งน้อยวันยิ่งดี ซึ่งหมายถึงบริษัทมีเวลาหาเงินสดจากการขายสินค้า มาเพื่อชำระค่าวัตถุดิบให้ซัพพลายเออร์ (Supplier) ได้ โดยปกติอุตสาหกรรมจะมีวงจรเงินสดประมาณ 30 – 45 วัน เช่น บริษัท PTT / SCC / IVL เป็นต้น แต่บางครั้งอาจเห็นวงจรเงินสดสูงหรือต่ำกว่านั้น การยิ่งมีวงจรเงินสดสูงเท่าไร แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อรองกับลูกค้าหรือซัพพลายเออร์ได้ไม่ดี หรือแสดงให้เห็นว่าอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ในขณะที่ค่านี้ยิ่งต่ำเท่าไร ก็แสดงว่าบริษัทมีอำนาจในการต่อรองกับลูกค้า (ให้ลูกค้าจ่ายเงินได้เร็ว) หรือมีอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้สูง (บริษัทจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ได้ช้า)

 

แต่ในกรณีของบริษัท CPALL นั้นวงจรเงินสดติดลบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการต่อรองทั้งกับลูกค้าและซัพพลายเออร์ได้สูงมาก กล่าวคือลูกค้าต้องจ่ายเงินค่าสินค้าเร็ว ขณะที่บริษัทสามารถถ่วงเวลาจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ได้ ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำไมบริษัท CPALL จึงมีอัตราส่วนเงินสดหมุนเวียนต่ำกว่า 1 เท่าได้ ซึ่งบริษัทที่วงจรเงินสดติดลบในตลาดหุ้นมีไม่มากนัก ตัวอย่างเช่น บริษัท ADVANC / DTAC / TRUE / HMPRO และ M ซึ่งเป็นที่สังเกตว่ามักอยู่ในกลุ่มบริการเป็นหลัก เพราะไม่ต้องมีการเก็บวัตถุดิบในการผลิตมากนัก โดยการมีวงจรเงินสดที่ต่ำแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันที่ดี หรือการมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งได้

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายว่าวงจรเงินสดที่ต่ำ จะแสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งได้ทั้งหมด เพราะยังมีอีก 3 อัตราส่วนทางการเงินที่ต้องวิเคราะห์ ซึ่งหากอัตราส่วนที่เหลือยังดีอยู่ ก็พอจะสรุปได้ว่าบริษัทที่เราจะลงทุนนั้นมีฐานะทางการเงินที่ดี และน่าจะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคตได้ รวมถึงดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน ในบทความหน้ามาวิเคราะห์อีก 3 อัตราส่วนที่เหลือ และมาวิเคราะห์กันว่าบริษัท ADVANC / DTAC และ TRUE มีวงจรเงินสดติดลบทั้ง 3 บริษัทเลย แต่ใครจะมีฐานะทางการเงินที่ดีกว่า และใครจะมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่ากัน…ติดตามอ่านได้ในบทความหน้าครับ

 

หมายเหตุ : รายชื่อและข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในบทความนี้ ใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


กิจการแข็งแกร่งหรือไม่ ดูได้ที่งบการเงิน...สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของงบการเงิน และเทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย เพื่อประเมินศักยภาพของกิจการประกอบการตัดสินใจลงทุน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร Financial Statement Analysis ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: