เรารู้แล้วว่า Shareholder Activist คือ “ผู้ถือหุ้นนักเคลื่อนไหว” ที่ใช้พลังของการถือหุ้น (ในฐานะมีส่วนเป็นเจ้าของบริษัท) พยายามเปลี่ยนพฤติกรรมของบริษัท ด้วยการเข้ามีส่วนร่วมกับบริษัท เพื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ รวมทั้งยังได้รู้อีกว่า ว่า Shareholder Activist รุ่นใหม่ ได้นำประเด็น สิ่งแวดล้อม (environment), สังคม (social) และมีการกับดูแลกิจการที่ดี (governance) ผนวกเข้ากับการลงทุน เพื่อผลักดันให้บริษัทจากทั่วทุกมุมโลกปรับแนวการดำเนินธุรกิจ การลงทุนมาอยู่บนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน
Shareholder Activist รุ่นใหม่นี้มีใครบ้าง สร้างสังคมฉุกคิดด้วย…ESG Shareholder Activist กับการขับเคลื่อน ESG จะทยอยนำพวกเขาเหล่านั้นมาให้รู้จัก รวมไปถึงแนวทาง กลไก และเครื่องมือที่ได้ใช้ในการมีส่วนร่วมกับบริษัทที่เข้าไปลงทุน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจด้วย ESG เพื่อความยั่งยืน
Shareholder Activist รายแรกที่เราจะทำความรู้จัก คือ Engine No.1 ซึ่งได้เดินหน้ากดดันให้ ExxonMobil ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และต้องการที่มีส่วนร่วมกับบริษัทเพื่อผลักดันในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนส่งผลให้ ExxonMobil ต้องเปลี่ยนตัวกรรมการ 3 ราย เป็นกรรมการที่มีความรู้ด้านสภาพภูมิอากาศเข้ามาแทน เพื่อให้บริษัทสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่อาจจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
Engine No.1 คือใคร
Engine No.1 ให้คำจำกัดความตัวเองรวมทั้งแนวคิดการลงทุนบนเว็บไซต์ [1]ว่า
Engine No.1 ระบุว่า สักวันหนึ่ง ผลประโยชน์ของ Main Street และ Wall Street จะสอดคล้องกัน และ Engine No.1 สามารถมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าของที่แข็งขันในการขับเคลื่อนให้ไปในแนวเดียวกัน
Engine No.1 มองว่า การลงคะแนนคือการออกเสียงแสดงความเห็น เป็นการลงมือทำของผู้ถือหุ้นที่แข็งขัน Engine No.1 มุ่งมั่นที่จะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายคือ การใช้พลังของนักลงทุนเพื่อให้บริษัทรับผิดชอบต่อสิ่งที่นักลงทุนสนับสนุน เช่น เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพนักงาน ฟื้นฟูสภาพอากาศ และมีความโปร่งใสมากขึ้น
Engine No.1 เชื่อว่า มีวิธีที่ดีกว่า Engine No.1 จึงแบ่งปันข้อมูลการออกเสียงลงคะแนนและผลักดันให้กองทุนอื่นๆ ทำเช่นเดียวกัน เพื่อให้นักลงทุนเห็นว่าเงินของพวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างได้
สำหรับกรอบประเมินมูลค่าการลงทุนและวิธีที่ใช้นั้น Engine No.1 ระบุว่า ได้ใช้ข้อมูล ESG ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทำให้มีความแตกต่างจากนักลงทุนรายอื่น และ Engine No.1 เชื่อในการฟื้นสามัญสำนึกของระบบทุนนิยม ใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพ ข้อมูลมีความโปร่งใสมากขึ้นเรื่อย ๆ และมองว่าตัวเองเป็นผู้นำกระแส
แนวคิดนี้มาจาก คริสโตเฟอร์ เจมส์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร ซึ่งมีวิสัยทัศน์ว่า ทุนนิยมสามารถสร้างผลกระทบทางบวกได้ และบริษัทที่จัดการให้ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น (shareholders) และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) สอดคล้องกัน ก็จะเป็นกิจการที่แข็งแกร่งขึ้นและดีขึ้น
Engine No.1 เชื่อว่ามูลค่ากิจการของบริษัทนั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับมูลค่าที่บริษัทสร้างให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยกรอบการประเมินมูลค่าลงทุนของ Engine No.1 เป็นแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในการลงทุน ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถใช้เงินไปกับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี จากนั้นเชื่อมโยงผลกระทบเหล่านั้นกับการสร้างมูลค่าทางการเงินในระยะยาว
Engine No.1 ยังจำกัดความตัวเองว่า เป็นเจ้าของที่กระตือรือร้น (active owner) ได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่สำคัญของบริษัท รวมทั้งสนับสนุนบริษัทเหล่านี้ และยกระดับการมีส่วนให้แข็งขันมากขึ้นหากจำเป็น เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ทางการเงิน การออกเสียงลงคะแนนของ Engine No.1 การรณรงค์ และนักลงทุนที่ Engine No.1 นำมาเป็นแนวร่วมจะขับเคลื่อนและมูลค่าในระยะยาวมีความยั่งยืน
เฮดจ์ฟันด์รายเล็กที่เขย่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่
ข้อมูลแนะนำตัวเองจากเว็บไซต์ของ Engine No.1 เราก็อาจจะยังไม่รู้จัก Engine No.1 มากนัก หรือรู้เพียงแต่ว่าเป็นบริษัทจัดการลงทุนที่ยึดหลัก ESG เรามาดูกันว่าคนอื่นพูดถึง Engine No.1 กันอย่างไรบ้าง
ข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งเว็บไซต์สื่อหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทุนมักจะพูดถึง Engine No.1 ว่า เป็นเฮดจ์ฟันด์รายเล็กที่เขย่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ [2]
Engine No. 1 เป็นเฮดจ์ฟันด์จัดตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 2020 แต่ได้ขยายการลงทุนอย่างรวดเร็ว จนในเดือนพฤษภาคม 2021 มีมูลค่ากองทุนที่บริหารราว 250 ล้านดอลลาร์ และถือหุ้นเพียง 0.02% ใน บริษัทเอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil Corporation) ที่มีมูลค่ากิจการถึง 250,000 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี [3] พูดถึง Engine No. 1 ว่า เป็นบริษัทจัดการลงทุนที่ยึดหลัก ESG และคว้าชัยใน Proxy Fight ในบริษัท ExxonMobil
Proxy Fight [4] หมายถึง ผู้ถือหุ้นที่รวมตัวกันและรวบรวมสิทธิลงคะแนนเสียงด้วยการมอบอำนาจลงคะแนนเสียง (proxy voting) เพื่อต่อสู้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นที่สนับสนุน คณะกรรมการบริษัท หรือเพื่อดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกรรมการบริษัทคนใหม่เข้ามา ตัวอย่างเช่น ผู้ถือหุ้นอาจใช้ Proxy Fight หากเห็นว่าบริษัทไม่ดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมได้ดี จึงตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเปลี่ยนตัวกรรมการในคณะกรรมการ และหากรรมการคนใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างรอบคอบเข้ามาแทน เพื่อที่จะกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น บริษัทที่ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ถือหุ้น อาจพบว่าตัวเองต้องเผชิญกับ Proxy Fight
Hart Energy [5] ก็พูดถึง Engine No.1 ไม่ต่างกันว่า กรณีของ Engine No.1 และ ExxonMobil น่าจะเป็นเดวิดและโกไลแอธ ในตลาดหุ้น เพราะ Engine No.1 เฮดจ์ฟันด์ขนาดเล็กที่หาญท้า บริษัทน้ำมันที่ทรงพลังมากในสหรัฐฯอย่าง ExxonMobil จนมีตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการถึง 3 คน เพื่อเตรียมการที่จะก้าวสู่อนาคตที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
(เดวิดและโกไลแอธ เป็นนิทานเกี่ยวกับเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งที่เอาชนะนักรบร่างยักษ์ได้ด้วยความฉลาด)
Engine No.1 ทำอะไร
Engine No. 1 ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจของ ExxonMobil ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานสหรัฐฯให้อยู่บนเส้นทางความยั่งยืน และสิ่งที่ทำก็ไม่มีอะไรไปมากกว่า การใช้สิทธิในฐานะผู้ลงทุน ปกป้องเงินลงทุน กดดันให้บริษัทใช้เงินในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งปรับแนวการทำธุรกิจให้มามุ่งเน้นพลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดี อันจะส่งผลต่อการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น
การผลักดันการเปลี่ยนแปลงใน ExxonMobil ของ Engine No. 1 ก็ยึดหลัก ESG ตามที่ประกาศไว้ ผนวกกับการเข้าไปมีส่วนร่วมเป็น Active Owner พร้อมกับใช้กลไกที่มีอยู่แล้วทำให้เกิดผลตามที่ต้องการ นั่นคือ การออกเสียงลงคะแนนของผู้ถือหุ้นในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี และใช้ช่องทางที่หน่วยงานกำกับดูแลเปิดให้ทำได้
Engine No. 1 ได้เปิดตัวแคมเปญ It’s time to reenergize ExxonMobil โดยระบุว่า “อุตสาหกรรมพลังงานและโลกกำลังเปลี่ยนแปลง เพื่อปกป้องและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น เราเชื่อว่า ExxonMobil จะต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน” พร้อมจัดทำเว็บไซต์ https://reenergizexom.com/ เป็นสื่อกลางในการสื่อสาร ให้ข้อมูล เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของ ExxonMobil ตระหนักถึงความสำคัญของสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว และชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้ถือหุ้นต้องเข้ามามีส่วนร่วม
Engine No. 1 ใช้วิธีการส่งจดหมายเป็นระยะๆถึง ดาร์เรน วู้ดส์ ประธานและซีอีโอของ ExxonMobil เรียกร้องให้บริษัทปรับแนวทางการทำธุรกิจเพราะโลกเปลี่ยน พร้อมชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญๆหลายข้อใน ด้าน E และ G
จดหมายฉบับแรก [5]ออกมาในวันที่ 7 ธันวาคม 2020 หลังจากก่อตั้งได้ไม่นาน โดย Engine No. 1 ชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหาพื้นฐาน ตั้งแต่ 1) การจัดสรรการทุนระยะยาวที่ไม่มีประสิทธิภาพไม่คุ้มค่า 2)ไม่มีแผนระยะยาวในการเพิ่มหรือรักษามูลค่า แม้มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่ไม่มีแผนสร้างการเติบโต เช่น พลังงานหมุนเวียน และ 3) ไม่สามารถปรับค่าตอบแทนผู้บริหารให้สอดคล้องกับการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้
Engine No. 1 ระบุในจดหมายว่า เพื่อไม่ให้ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับบริษัทอื่นที่เคยมีชื่อเสียงแต่ล้มหายตายจากกลับกลายเป็นอดีต Exxon Mobil ต้องปรับตัวเพื่อการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยาว โดยต้องมีกรรมการอิสระที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยี ตลาด และนโยบายที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรม ซึ่งไม่มีกรรมการของ Exxon Mobil รายใดที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานอื่นเลย
ในจดหมาย ยังให้ข้อมูลอีกด้วยว่า ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยรวม(total shareholder return)ซึ่งรวมถึงเงินปันผลของ ExxonMobil ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาติดลบ 20% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน(Return on Capital Employed :ROCE) ของโครงการปลายน้ำซึ่งเคยสูงถึง 75% ตกลงมาเฉลี่ยที่ 35% ในช่วงปี 2001-2010 และในปี 2015-1019 ยิ่งลดลงอีกเหลือเพียง 6% เท่านั้น แม้ราคาน้ำมันและก๊าซอยู่ในระดับสูง
ข้อมูลเหล่านี้มาจากการวิเคราะห์เชิงลึกที่ใช้เวลาหลายเดือนรวมถึงการพูดคุยกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม นักวิเคราะห์ และนักลงทุน และว่าจ้างที่ปรึกษาชั้นนำในอุตสาหกรรมให้วิเคราะห์สินทรัพย์และการดำเนินงานของExxon Mobil
Engine No. 1 จึงได้เสนอแนวทางการปรับตัวให้กับ ExxonMobil โดย 1) ให้ปรับคณะกรรมการ โดยเสนอตัวแทนที่จะเข้ามาเป็นกรรมการจำนวน 4 คน ที่มีคุณภาพและมีความเป็นอิสระ ที่ผ่านการประเมินจาก California State Teachers’ Retirement System (CalSTRS) 2) สร้างวินัยในการจัดสรรทุนระยะยาวมากขึ้น 3) จัดทำกลยุทธ์เพื่อสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลง 4) ปรับสิทธิประโยชน์ฝ่ายบริหาร
ต่อมาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2021 Engine No. 1 ออกจดหมายฉบับที่ 2 ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และชี้ว่า ExxonMobil ยังทำไม่มากพอ ไม่ว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนหรือการกักเก็บคาร์บอน และไม่ได้มีแผนระยะยาวที่สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส พร้อมกับยังคงเสนอตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการ 4 ราย
เรียกร้องผู้ถือหุ้นปกป้องเงินลงทุน
หนึ่งเดือนหลังจากทำจดหมายถึง ExxonMobil สองฉบับ Engine No. 1 รณรงค์ในเชิงรุกมากขึ้น ในเดือนมีนาคม 2021 ด้วยการทำจดหมายถึงผู้ถือหุ้น เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้น ExxonMobil ทุกคนปกป้องการลงทุนและเงินปันผลของตัวเอง ด้วยการออกเสียงลงคะแนน “ให้” กับการเลือกกรรมการอิสระที่เสนอโดย Engine No. 1 ทั้ง 4 ราย ให้เป็นคณะกรรมการของ ExxonMobil ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่กำหนดไว้วันที่ 26 พฤษภาคม 2021
โดยชี้ให้เห็นว่า ExxonMobil ซึ่งเมื่อสิบปีก่อนเคยเป็นบริษัทใหญ่สุดเมื่อวัดจากมูลค่าตลาด (market capitalization) และเป็นเบอร์ 1 ในดัชนีดาวโจนส์(DJIA) แต่ตอนนี้มูลค่าตลาดลดลงครึ่งหนึ่งและยังถูกนำออกจากดัชนีดาวโจนส์ ราคาหุ้นที่เคยสูงก็ร่วงลง ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยรวมติดลบ 15% รายงานผลขาดทุน 22 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 และถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นครั้งที่ 3
Engine No. 1 ยังชี้ให้เห็นว่า ExxonMobil ต้องมีแนวทางใหม่ในการสร้างมูลค่า แม้การเปิดตัวแคมเปญ reenergize ExxonMobil ทำให้ราคาหุ้นของ ExxonMobil ดีขึ้น แต่ก็ไม่พอที่จะชดเชยมูลค่านับพันล้านที่หายไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ExxonMobil ถูกบีบให้ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยบางส่วน และส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุปสงค์น้ำมันกับก๊าซที่ฟื้นตัว และเป็นผลบวกชั่วคราวเท่านั้น เพราะ ExxonMobil ยังไม่ยอมที่จะปรับเปลี่ยน
Engine No. 1 ชี้แจงในจดหมายว่า ExxonMobil จำเป็นต้องมีกรรมการที่มีประสบการณ์ด้านพลังงาน ซึ่ง Engine No. 1 ได้เสนอตัวแทนเข้าเป็นกรรมการ 4 รายที่ประสบความสำเร็จมีประสบการณ์ด้านการเปลี่ยนโฉมพลังงาน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายได้เต็มที่ ด้วยการกำหนดกรอบวินัยการใช้จ่ายระยะยาว การวางกลยุทธ์เพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวในโลกที่เปลี่ยนแปลง และปรับค่าตอบแทนผู้บริหารให้สอดคล้องกับการสร้างมูลค่าของผู้ถือหุ้นมากขึ้น
จดหมายของ Engine No.1 ทุกฉบับเผยแพร่บนเว็บไซต์ https://reenergizexom.com/
เส้นทางของ Engine No. 1 เพื่อการเข้าไปมีส่วนร่วมใน ExxonMobil ไม่ได้ราบรื่น เพราะที่ผ่านมา Exxon Mobil สามารถโต้กลับนักเคลื่อนไหวที่พยายามผลักดันให้บริษัทปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านสภาพภูมิอากาศ และแยกบทบาทของประธาน กับ ซีอีโอ ออกจากกัน ด้วยการเข้าหาผู้ถือหุ้นมากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายมีการตอบโต้กันไปมา โดยหลังจากการออกจดหมายฉบับที่ 3 ของ Engine No. 1 ในเดือนเดียวกัน ExxonMobil ก็ออกจดหมายเตือนผู้ถือหุ้นให้ตัดสินใจอย่างรอบคอบ[6] ต่อการที่ Engine No. 1 เฮดจ์ฟันด์ขนาดเล็กซึ่งถือหุ้นเพียง 0.02% ในบริษัทเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยชี้ว่า Engine No. 1 ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับแผนและกลยุทธ์ของบริษัท และสิ่งที่ Engine No. 1 ริเริ่มนั้นจะกระทบความสามารถในการสร้างรายได้ การจ่ายเงินปันผล การลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต และการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งบริษัทไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ Engine No. 1 ดังนั้นขอให้ผู้ถือหุ้นไม่ลงคะแนนให้กับตัวแทนที่ Engine No. 1 เสนอมาและให้ใช้ใบลงคะแนน BLUE PROXY CARD เพื่อสนับสนุนคณะกรรมการบริหารที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์สูงของบริษัท รวมทั้งกลยุทธ์ที่นำเสนอนักลงทุนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ExxonMobil ยังแจ้งผู้ถือหุ้นว่า บริษัทยังรักษาการจ่ายเงินปันผลที่สูงไว้ได้และสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกแห่งคาร์บอนต่ำ และในปี 2021 กรรมการที่จะต้องนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนทั้งหมด 12 ราย กลับเข้ามารับหน้าที่อีกคร้้งนั้น ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอิสระถึง 11 ราย นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2016 ได้เพิ่มกรรมการอิสระที่มีประสบการณ์สูงเข้ามาจำนวนมาก นับว่ากรรมการของบริษัทมีความสามารถสูงและมีความหลากหลายมากที่สุดในอุตสาหกรรม
วันที่ 15 พฤษภาคม 2021 ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นจะมีขึ้น Engine No. 1 ได้ส่งสารไปยังผู้ถือหุ้นของ ExxonMobil เพื่อชี้แจงสิ่งที่ ExxonMobil กล่าวหา พร้อมย้ำอีกครั้งว่า การปรับเปลี่ยนธุรกิจและการพลิกโฉมธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำมันนั้น ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ และต้องอาศัยการทำงานอย่างขยันขันแข็งและการกำกับดูแลจากคณะกรรมการที่มีประสบการณ์รอบด้านในอุตสาหกรรมพลังงาน และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม 2021 ExxonMobil แจ้งผู้ถือหุ้นว่า บริษัทตั้งใจที่จะเพิ่มกรรมการใหม่ 2 คนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย 1 คนมีประสบการณ์ด้านพลังงาน และ 1 คนมีประสบการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศ ภายในวันเดียวกัน Engine No. 1 ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นออกเสียงลงคะแนนให้ตัวแทนของ Engine No. 1
รวมพลังผู้ถือหุ้น
Engine No.1 ได้ยื่นแบบฟอร์ม DEF 14A หรือหนังสือมอบฉันทะ ซึ่งเป็นเอกสารที่มีข้อมูลตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้บริษัทต้องจัดหาข้อมูลให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจบนฐานข้อมูลในเรื่องที่จะนำเสนอในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี พร้อมแนบแบบฟอร์มมอบฉันทะ White Proxy Card เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้กับ Engine No.1 เสนอ
ข้อเสนอของ Engine No. 1 ในการประชุมผู้ถือหุ้น มีด้วยกันทั้งหมด 10 ข้อ เช่น การเสนอ 4 ตัวแทนเข้าเป็นกรรมการ, ตั้งประธานอิสระ, ให้บริษัทออกรายงานการตรวจสอบผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์ Net Zero 2050 ที่ IEAประเมิน, รายงานต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม, รายงานการสนับสนุนทางการเมือง, รายงานการจ่ายเงินและนโยบายการล็อบบี้, รายงานการล็อบบี้ด้านการสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส
เมื่อถึงวันประชุม ผลปรากฎว่า Shareholder activist อย่าง Engine No. 1 ที่ลงทุนใน ExxonMobil เพียง 40 ล้านดอลลาร์ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่มากพอจนสามารถมีตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการได้ 2 ราย ในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน
การลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของผู้ถือหุ้น ที่ผลักดันให้ให้บริษัทดำเนินการมากขึ้นในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แอนน์ ซิมป์สัน [7]ผู้บริหารด้านการลงทุนของ CalPERS ให้ความเห็นในแถลงการณ์ว่า “นักลงทุนไม่ได้อยู่วงนอกอีกต่อไป และเป็นวันชี้ดำชี้แดง”
ด้านกองทุนแบล็กร็อคให้ข้อมูลว่า [9] ได้ โหวตให้ตัวแทน 3 คนจาก 4 คนที่เสนอชื่อโดย Engine No. 1 เข้าเป็นกรรมการบริษัท แต่ลงคะแนนคัดค้านข้อเสนอเรื่องประธานกรรมการอิสระ, เรื่องรายงานต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และรายงานการสนับสนุนทางการเมือง แต่โหวตเห็นด้วยกับข้อเสนอเรื่องการออกรายงานการตรวจสอบผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์ Net Zero 2050 ที่ IEAประเมิน,รายงานการจ่ายเงินและนโยบายการล็อบบี้, รายงานการล็อบบี้ด้านการสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส
ความสำเร็จของ Engine No.1 มาจากการสนับสนุนของนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ California Public Employees Retirement System (CalPERS), กองทุนแบล็กร็อก(BlackRock), Vanguard, State Street ซึ่ง 3 รายหลังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้นใน ExxonMobil รวมกันถึง 19% ส่วน CalPERS ลงทุนใน ExxonMobil ราว 300 ล้านดอลลาร์
BlackRock และ State Street เป็นสมาชิกของ Climate Action 100+ กลุ่มนักลงทุนที่รวมตัวกันกดดันผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดให้ดำเนินการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Engine No.1 ยังได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันรายอื่นคือ New York Common Retirement Fund, the Church of England, และ California State Teachers’ Retirement System (CalSTRS)
วันที่ 3 มิถุนายน ExxonMobil ออกแถลงการณ์ว่า ตัวแทนของ Engine No.1 คว้าเก้าอี้บอร์ดตัวที่ 3 มาได้อีก[10] เพราะในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีนั้นการลงคะแนนยังไม่ได้สรุป เนื่องจากใกล้ปิดการประชุมแล้ว
เดินหน้าชูความโปร่งใส
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Engine No.1 ประสบความสำเร็จคือ การยึดมั่นในแนวคิดการลงทุนด้วย ESG และการมีส่วนร่วม ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี และที่สำคัญที่สุดทำให้ผู้ถือหุ้นตระหนักถึงการรักษามูลค่า และการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืน
Engine No.1 ไม่ได้หยุดขับเคลื่อนการลงทุน ESG ไว้ที่ ExxonMobil แต่เดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วมกับนักลงทุนรายอื่นเพื่อจุดพลังผู้ถือหุ้น สร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ด้วยความโปร่งใส
ราวต้นปีที่ผ่านมา Engine No. 1 ได้เปิดตัวรายงานการออกเสียงลงคะแนน[11] (dashboard)ในแต่ละเรื่อง ในแต่ละบริษัทของ ที่ Transform 500 ETF หรือ VOTE กองทุนของบริษัทได้เข้าไปลงทุน โดยจะเป็นข้อมูลเรียลไทม์มากที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะอำนวย
ความโปร่งใสนี้จะแสดงให้เห็นว่านักลงทุน คู่แข่ง และสมาชิกคณะกรรมการบริษัทใน VOTE ออกเสียงลงคะแนนอย่างไรในโลกที่ให้ความสำคัญกับข้อเสนอ ESG มากขึ้น
Engine No.1 แสดงให้เราเห็นถึงพลังของผู้ถือหุ้นที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทที่เข้าลงทุนได้ เพียงแค่ใช้กลไก และช่องทางที่มี และทำตัวเป็นผู้ถือหุ้นที่กระตือรือร้น Active Owner เท่านั้น เพราะไม่เพียงเป็นการปกป้องอนาคตของบริษัท แต่ยังเป็นการปกป้องการลงทุนของเราเอง
อ้างอิง
[1] Engine No.1. Transforming https://engine1.com/ (28 มกราคม 2565)
[2] Yahoo Finance.2021.Engine No. 1: The little hedge fund that shook Big Oil. https://finance.yahoo.com/news/engine-no-1-little-hedge-164829591.html (28 มกราคม 2565)
[3] CNBC.2021.DELIVERING ALPHA. Engine No.1 CEO Jennifer Grancio on the firm’s new approach after winning the battle against Exxon.https://www.cnbc.com/2021/12/16/engine-nopoint1-ceo-jennifer-grancio-on-the-firms-new-approach-after-winning-the-battle-against-exxon.html (28 มกราคม 2565)
[4] The Businessprofessor.2021.Proxy Fight or Contest – Explained https://thebusinessprofessor.com/en_US/business-governance/proxy-fight-definition (28 มกราคม 2565)
[5] Reenergize Exxon.2020.Letter to the Board of Directors https://reenergizexom.com/materials/letter-to-the-board-of-directors (28 มกราคม 2565)
[6] ExxonMobil.Corporate.Shareholder Letter https://corporate.exxonmobil.com/-/media/Global/Files/investor-relations/annual-meeting-materials/proxy-materials/ExxonMobil-3_16_21-Shareholder-Letter.pdf (28 มกราคม 2565)
[7] CNN. 2021. Activist investor ousts at least two Exxon directors in historic win for pro-climate campaign. https://edition.cnn.com/2021/05/26/business/exxon-annual-meeting-climate-oil/index.html (28 มกราคม 2565)
[8] Hart Energy.2021.Exxon Mobil Faces Proxy Fight Launched by New Activist Firm Led by Chris James.https://www.hartenergy.com/exclusives/exxon-mobil-faces-proxy-fight-launched-new-activist-firm-led-chris-james-191254 (28 มกราคม 2565)
[9] BlackRock.Investment Stewardship.Vote Bulletin: ExxonMobil Corporation https://www.blackrock.com/corporate/literature/press-release/blk-vote-bulletin-exxon-may-2021.pdf (28 มกราคม 2565)
[10] CNBC.2021 MARKETS.Activist firm Engine No. 1 claims third Exxon board seat. https://www.cnbc.com/2021/06/02/activist-firm-engine-no-1-claims-third-exxon-board-seat-.html (28 มกราคม 2565)
[11] YahooFinance.2022. Engine No. 1 Lays Its Cards on the Table for Next Proxy Targets
https://finance.yahoo.com/news/engine-no-1-lays-cards-173955469.html (28 มกราคม 2565)
[12] ThaiPublica. Engine No.1 เฮดจ์ฟันด์เล็ก เขย่า ExxonMobil ยักษ์ใหญ่