พลังงาน แสงแดด สายลม และพอร์ตเรา

โดย ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)
3 Min Read
26 กันยายน 2564
6.702k views
Inv_พลังงาน แสงแดด สายลม และพอร์ตเรา_Thumbnail
Highlights

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศ ที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของพลังงานสะอาด ตลอดจนออกกฎข้อบังคับอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขวิกฤตสิ่งแวดล้อม มุ่งหน้าไปสู่ความอย่างยั่งยืน พลังงานสะอาดจึงเป็นเทรนด์ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและการลงทุนในอนาคตอันใกล้นี้

ถ้าให้นักลงทุนนึกถึงอุตสาหกรรมที่กำลังจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในทศวรรษนี้ เชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของอุตสาหกรรม “พลังงาน” รวมอยู่ด้วย

 

นั่นก็เพราะว่าธุรกิจพลังงานกำลังพบกับการเปลี่ยนแปลงจากหลายด้าน ทั้งแนวโน้มของผู้บริโภคที่หันมาใช้พลังงานสะอาด ขณะที่ผู้นำภาครัฐในหลายประเทศก็ออกแรงสนับสนุน ตั้งแต่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทุ่มงบลงทุนกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาพลังงานสะอาด ไปจนถึงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 65% ภายในปี 2030 แข่งกับบรรดาประเทศยักษ์ใหญ่ทั่วโลก

 

พร้อมกับจังหวะธุรกิจ ที่เทคโนโลยีพลังงานสะอาดหลายอย่าง ถูกพัฒนาขึ้นมาจนถึงจุดที่สามารถขยายทั้งขนาดและทำกำไรได้อย่างก้าวกระโดด

 

แต่ที่นักลงทุนต้องหันมาสนใจการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มธุรกิจนี้ให้มาก ไม่ใช่แค่เพราะเป็นโอกาสของการลงทุน แต่ธีมการลงทุนนี้อาจกลายเป็นความเสี่ยงสำหรับธุรกิจพลังงานดั้งเดิม ที่กำลังเผชิญกับผลกระทบจากเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจึงควรทำความเข้าใจกับภาพรวมของธีมการลงทุนให้กว้าง เพื่อจะได้เห็นทั้งโอกาส ความเสี่ยง และสามารถเปรียบเทียบสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ก่อนตัดสินใจลงทุนได้  

 

เริ่มแรก ต้องเข้าใจองค์ประกอบของธีมพลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือก ในปัจจุบันก่อน

แม้จะเป็นการลงทุนที่ใกล้เคียงกับธุรกิจพลังงานดั้งเดิม แต่โดยรวมถือว่าเป็นการลงทุนในรูปแบบธีม (Thematic Investing) ในกลุ่มความยั่งยืน (Sustainability) และกลุ่มพลังงานทางเลือก (Alternative Energy) เนื่องจากเป็นการรวมกันของผู้ประกอบธุรกิจในหลากหลายกลุ่ม เช่น เทคโนโลยี สาธารณูปโภค และอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ใช่ผู้ประกอบกิจการในธุรกิจพลังงานดั้งเดิม

 

ขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานทางเลือก แม้จะมีมากที่สุดในประเทศฝั่งตะวันตกเนื่องจากมีกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนกว่าฝั่งเอเชีย แต่บริษัทที่พัฒนาด้านพลังงานที่โดดเด่นก็กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ปัจจุบันธีมการลงทุนนี้ มี 4 ธีมย่อยที่ต้องรู้จัก ดังนี้

 

1. พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)

เป็นธีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่มีเสถียรภาพสูง ส่วนในมุมธุรกิจ หลายบริษัทก็สามารถขยายขนาดของการลงทุนได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีอุตสาหกรรมปลายน้ำที่หลากหลาย ขณะที่ธุรกิจหลักอย่างการผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ก็คาดว่าจะก้าวขึ้นมามากกว่าครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2050 โดยธุรกิจที่ลงทุนจะประกอบไปด้วย ผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบ Invertor แบตเตอรี่ หรือระบบจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์

 

2. พลังงานลม (Wind Energy)

ถือเป็นธีมการลงทุนที่โดดเด่นด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงมีเงินลงทุนจากภาครัฐเข้ามาช่วยด้านการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง โดยธีมนี้จะลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมพลังงานลม รวมถึงระบบการผลิตและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง แต่จะมีความเจาะจงไปยังภูมิภาคที่มีพื้นที่เฉพาะขนาดใหญ่เป็นหลัก 

 

3. พลังงานน้ำ (Water Energy)

เป็นธีมการลงทุนที่มีความหลากหลายที่สุดในเชิงธุรกิจ เพราะนอกจากธุรกิจการผลิตพลังงานจากน้ำ ยังรวมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย เช่น บริษัทสาธารณูปโภคด้านชลประทาน การก่อสร้างท่อระบายน้ำ ท่อส่งน้ำ หรือการทำน้ำให้บริสุทธิ์ โดยน้ำเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีสัดส่วนกำลังการผลิตมากที่สุดในปัจจุบัน และคิดเป็นราว 7% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ธุรกิจนี้จึงมีเสถียรภาพสูงและมีความผันผวนต่ำกว่าพลังงานสะอาดอื่น ๆ

 

4. การจัดการของเสีย (Waste Management)

เป็นธีมการลงทุนที่เปลี่ยนสิ่งสกปรกให้เป็นพลังงานสะอาด จึงมีความซับซ้อนและหลากหลายมากที่สุด แม้ในฝั่งของเทคโนโลยีด้านพลังงานจะไม่โดดเด่นมาก เพราะมักใช้ Biomass หรือของเสียสร้างความร้อน แต่ธีมนี้จะประกอบไปด้วยการลงทุนในธุรกิจบริการที่หลากหลาย เช่น การรวบรวม ถ่ายโอน กำจัดของเสีย รีไซเคิล ไปจนถึงการให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม จึงมักมี Margin ของธุรกิจที่สูงกว่าธีมพลังงานสะอาดอื่น ๆ

 

รู้อย่างนี้แล้ว นักลงทุนควรลงทุนในธีม Sustainability และ Alternative Energy อย่างไร?

จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นธีมเดียวกัน แต่ก็มีความหลากหลายและความคาดหวังจากตลาดที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนจึงไม่ใช่แค่เลือกธุรกิจที่มีอนาคต แต่ต้องมีระดับราคาที่เหมาะสม และความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

 

สำหรับธีมพลังงานสะอาดนี้ ด้วยอนาคตที่สดใสและแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ความผันผวนจากการลงทุนจึงสูงตามไปด้วย ง่ายที่สุด คือ การศึกษาจากดัชนี S&P Global Clean Energy ในช่วง 5 ปีล่าสุด ซึ่งผลตอบแทนของดัชนีนี้สูงถึง 21.75% ต่อปี แต่ขณะเดียวกันก็มีช่วงที่ตลาดทุนปรับฐานแรงมากหลายครั้ง เช่น วิกฤติโควิดปี 2020 หรือช่วงต้นปี 2021 ที่นักลงทุนคาดหวังกับการเปิดเมือง และย้ายการลงทุนกลับสู่ธุรกิจพลังงานดั้งเดิม การลงทุนเหล่านี้ก็ติดลบได้ถึง 50% ภายในไม่กี่เดือนเลยทีเดียว

 

สะท้อนว่า ในระยะยาวธีมพลังงานสะอาดมีโอกาสเติบโตสูงก็จริง แต่นักลงทุนก็ต้องรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งจากมุมมองของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตามระดับราคาของสินทรัพย์ เทคโนโลยี รวมไปถึงกฎเกณฑ์ที่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ต่อเนื่องในอนาคต

 

สำหรับการลงทุนในธีม Sustainability และ Alternative Energy นี้ กองทุนรวม ETF ต่างประเทศ คือ กลุ่มการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด โดยมีตัวอย่างกองทุนรวม ETF ต่างประเทศ ที่ลงทุนในธีมนี้ เช่น INRG TAN และ PBD

 

INRG หรือ iShares Global Clean Energy UCITS ETF

  • บริหารจัดการโดย BlackRock Asset Management โดยลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P Global Clean Energy Index ในกว่า 120 บริษัท มีการปรับสัดส่วนการลงทุนทุกครึ่งปี ช่วงเดือน มิ.ย. และ ธ.ค.
  • กองทุนนี้ ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงาน อุปกรณ์ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด แต่ไม่รวมบริษัทที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกินเกณฑ์ที่กำหนด โดยบริษัทที่เข้าไปลงทุนส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสาธารณูปโภค 52% อุตสาหกรรม 26% และเทคโนโลยี 19% ขณะที่สัดส่วนตามประเทศจะมี 47% เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในทวีปอเมริกาเหนือ และ 35% จากทวีปยุโรป
  • กองทุนนี้มีความผันผวนสูง เนื่องจากเน้นลงทุนในบริษัทพลังงานขนาดเล็ก นอกจากนี้ก็มีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากแนวโน้มนโยบายด้านพลังงานที่อาจพลิกไปเป็นการรณรงค์ลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น แทนที่การพัฒนาพลังงานทางเลือก

 

TAN หรือ Invesco Solar ETF

  • บริหารโดย บลจ. Invesco อ้างอิงดัชนี MAC Global Solar Energy Index ลงทุนราว 50 บริษัท โดยมีการปรับสัดส่วนการลงทุนรายไตรมาส ในเดือน มี.ค. / มิ.ย / ก.ย. และ ธ.ค.
  • การลงทุนจะเจาะจงไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบไปด้วย ผู้ผลิตอุปกรณ์ แบตเตอรี่ หรือระบบจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ โดยบริษัทที่เข้าไปลงทุนส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี 56% สาธารณูปโภค 21% และอุตสาหกรรม 15% ขณะที่สัดส่วนตามประเทศจะมี 41% เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา 30% จากเอเชีย และ 15% จากยุโรปตะวันตก
  • กองทุนนี้มีความผันผวนสูงมาก เนื่องจากลงทุนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งส่วนมากเป็นหุ้นขนาดเล็กหรือขนาดกลาง แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่น แต่ต้องระวังการแข่งขันจากธุรกิจพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ในอนาคตไปพร้อมกัน

 

PBD หรือ Invesco Global Clean Energy ETF

  • บริหารโดย บลจ. Invesco อ้างอิงดัชนี WilderHill New Energy Global Innovation Index ลงทุนในกว่า 100 บริษัท โดยมีการปรับสัดส่วนการลงทุนรายไตรมาส ในเดือน มี.ค. / มิ.ย / ก.ย. และ ธ.ค.
  • ลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดทั่วโลก ตั้งแต่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ ปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ไปจนถึงการพัฒนาพลังงานสะอาด ซึ่งทำให้การลงทุนกระจายไปในหลายธีมพลังงาน บริษัทที่เข้าไปลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคอุตสาหกรรม 40% สาธารณูปโภค 24% และเทคโนโลยี 17% โดยกว่า 41% อยู่ในยุโรปตะวันตก 32% อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ และ 22% มาจากฝั่งเอเชีย
  • ด้วยการกระจายการลงทุนไปในหลายภูมิภาค กองทุนนี้จึงมีความผันผวนต่ำกว่ากองทุนในธีมพลังงานสะอาดอื่น ๆ แต่ยังมีความเสี่ยงจากการเน้นลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก และแนวโน้มนโยบายด้านพลังงานที่อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกับกองทุนพลังงานสะอาดทั่วไป

 

หมายเหตุ : ชื่อกองทุนรวม ETF ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

โดยสรุป การลงทุนในธีมพลังงานสะอาดเป็นหนึ่งในธีมแห่งอนาคต เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนกับการเปลี่ยนแปลงระยะยาวและสามารถรับความผันผวนระยะสั้นได้สูง

 

นักลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนในนโยบายที่กว้างหรือเฉพาะเจาะจงได้ แต่เมื่อนำมารวมกับการลงทุนหลัก อาจเริ่มต้นด้วยสัดส่วนที่ไม่มาก เช่น 5-10% ของพอร์ตลงทุนก่อน และติดตามความสัมพันธ์กับพอร์ตลงทุนโดยรวม ขณะเดียวกันก็ควรหมั่นติดตามข่าวสาร และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจพลังงานในอนาคตไปพร้อมกันด้วย


สำหรับผู้ที่สนใจ ลงทุนในธีม Sustainability และ Alternative Energy ซึ่งต้องลงทุนผ่านกองทุนรวม ETF แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน ผลตอบแทนและความเสี่ยง สิทธิประโยชน์ทางภาษี และวิธีซื้อขายกองทุน ETF พร้อมเทคนิคการลงทุนอย่างมืออาชีพ ผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้ลงทุน ETF” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: