ความขัดแย้งรัสเซียกับยูเครน ไม่เพียงสร้างผลกระทบเศรษฐกิจโลกและตลาดเงินโลก รวมไปถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ เช่น น้ำมัน แล้วยังนำไปสู่การคิดใหม่สำหรับหลายบริษัท ซึ่งเรียกได้ว่าถูกสถานการณ์บีบการตัดสินใจทางธุรกิจ จากการเลือกข้างระหว่างประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจหรือประเทศที่สนับสนุน ในสงครามครั้งนี้
สงครามไม่ได้มีผลกระทบเฉพาะบริษัทพลังงานระดับโลกเท่านั้น นอกจากการร่วมทุนขององค์กร อย่าง BP และ Shell กับพันธมิตรรัสเซียได้รับผลกระทบแล้ว ธุรกิจอีกหลายประเภททั้ง ฟาสต์ฟู้ดส์เชนแมคโดนัลด์สประกาศปิดกิจการในรัสเซีย ขณะที่ธนาคารรายใหญ่ระดับโลกบางแห่ง เช่น โกลด์แมน แซคส์ และเจพี มอร์แกน จะถอนตัวออกจากรัสเซีย
แนวโน้มการลงทุนด้วย ESG (Environment สิ่งแวดล้อม Social สังคม และGovernanceการกำกับดูแลกิจการ) เป็นปรากฏการณ์ที่โดดเด่นชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเงินทุนไหลเข้าสู่การลงทุนที่สอดคล้องกับ ESG มากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ลูกค้ายุคใหม่เช่น คนรุ่นมิลเลนเนียลกำลังผลักดันวาระความยั่งยืน ขณะที่ผู้จัดการกองทุนและบริษัทต่างๆ ก็ตอบสนอง
สงครามรัสเซีย “game changer” ลงทุน ESG
ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ก็มีคำถามว่าสงครามทำให้การลงทุนบนหลัก ESG เปลี่ยนแปลงหรือไม่ และอนาคตจะเป็นอย่างไรสำหรับการใช้ ESG ในการตัดสินใจลงทุน? [1]
การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็น “game changer“[2] ทำให้นักลงทุนต้องคิดทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเกณฑ์และข้อยกเว้นของ ESG และแปรไปสู่การเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจและประเทศที่เข้าไปลงทุน
“ยูเครนเป็นหนึ่งในประเด็น ESG ที่สำคัญที่สุดที่เราเคยมีมา”[3] Philippe Zaouati ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mirova ซึ่งเป็นหน่วยงานการลงทุนยั่งยืนมูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ในเครือ Natixis Investment Managers กล่าว “มันเป็นประเด็นสำคัญในภาคพลังงานและสิทธิมนุษยชน และมีคำถามว่าเรายังต้องการใช้ชีวิตในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่”
เมื่อสงครามรัสเซียยูเครนเกิดขึ้น มีหุ้นสองกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตกอยู่ภายใต้การจับตาของนักลงทุน ESG นั่นคือ อุตสาหกรมพลังงานและอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ ที่มีผลต่อแนวคิดหรือทัศนคติเกี่ยวกับ ESG โดยในอุตสาหกรรมพลังานมองไปที่ความมั่นคงทางพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่การใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศในฝั่งตะวันตกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อให้ประเทศต่างๆ จะได้เตรียมพร้อมอย่างเพียงพอเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น จึงนับเป็นความท้ายของการลงทุนด้วย ESG อย่างมาก[4]
ก่อนสงคราม นักลงทุนต่างหลีกเลี่ยงธุรกิจพลังงานและอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ และมองหาโอกาสถอนการลงทุนจากบริษัทผลิตอาวุธ อันเนื่องจากประเด็นความยั่งยืนและ ESG
การลงทุนบน ESG ถึงจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ เมื่อเกิดสงครามนักลงทุนจำนวนมากมองว่าอุตสาหกรรมผลิตอาวุธเป็นภาคอุตสาหกรรมสำคัญด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง และมีการลงทุนลงทุนในบริษัทผลิตอาวุธมากขึ้น ดังในกรณีของ SEB Investment Management
วันที่ 3 มีนาคม 2565 SEB Investment Management ได้ประกาศการปรับนโยบายการลงทุนยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ ว่า หลังจากวันที่ 1 เมษายน 2565 กองทุนจำนวนหนึ่งที่ลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้เอกชนจะสามารถลงทุนในภาคอุตสาหกรรมผลิตอาวุธได้[5]
ซึ่งจะส่งผลให้ 6 กองทุนจากที่มีทั้งหมดกว่า 100 กองทุนสามารถลงทุนในบริษัทที่มีรายได้เกินกว่า 5% จากอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ[6] ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม SEB Investment Management ที่ถือหุ้นเต็มโดย Skandinaviska Enskilda Banken ได้เริ่มทบทวนนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 กองทุนของ SEB ทั้งหมดได้ยุติการลงทุนในอุตสาหกรรมอาวุธ จากก่อนหน้านี้มีจุดยืนที่แตกต่างกันของแต่ละกองทุน
อย่างไรก็ตามกองทุนทั้งหมดของ SEB Investment Management จะยังคงไม่ลงทุนในบริษัทที่ผลิต พัฒนา หรือขายอาวุธที่ละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ (เช่น อาวุธแบบระเบิดที่ใช้การทิ้งจากอากาศยาน หรือ ยิงจากภาคพื้นดิน (Cluster Bomb) ทุ่นระเบิด และอาวุธเคมีและชีวภาพไปจนถึง บริษัทที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์หรือการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
SEB Investment Management เป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคนอร์ดิก
Paul Clements-Hunt ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มที่สร้างคำว่า ESG ในช่วงกลางปี 2000 กล่าวว่า “ตอนนี้ชัดเจนว่าแล้ว “นักลงทุน ESG ล้มเหลว“[3]
ขณะที่สื่ออย่าง Wall Street Journal รายงานว่า กรณี SEB สะท้อนว่าการลงทุน ESG หย่อนลงตามสงคราม[7] ด้วยบทความในหัวข้อ ESG Rules Bend With War: SEB Says OK to Invest in Defense Stocks Again
ธุรกิจพลังงานประกาศถอนตัวจากรัสเซีย
ด้านธุรกิจพลังงาน สงครามทำให้ถูกมองว่าเป็นผู้เล่นหลักในการจัดการกับความเป็นจริงที่เจ็บปวดในตอนนี้ว่า ประเทศและภูมิภาคต่างๆ จำเป็นต้องเข้าถึงแหล่งพลังงานแบบดั้งเดิมให้มากพอ และจะต้องใช้น้ำมันและก๊าซในระหว่างการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน บนเส้นทางสู่อนาคตพลังงานสีเขียว
บริษัทพลังงานหลายแห่งกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้มาตรฐานแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ดีที่สุด แต่เมื่อเกิดสงคราม ก็ได้มีการดำเนินการที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ได้มีเฉพาะสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว ด้านสังคม สิทธิมนุษยชน และการกำกับดูแลกิจการที่ดีก็มีความสำคัญไม่ด้อยกว่ากัน และไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
โดย บริษัท เชลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ Shell วันที่ 8 มีนาคม ประกาศความตั้งใจที่จะถอนตัว[8]จากการมีส่วนร่วมในไฮโดรคาร์บอนของรัสเซียทั้งหมด ทั้งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ก๊าซ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป โดยสอดคล้องกับแนวทางใหม่ของรัฐบาล ในขั้นแรกบริษัทจะหยุดซื้อน้ำมันดิบของรัสเซียทั้งหมดทันที และจะไม่ต่อสัญญาใหม่ นอกจากนี้ยังจะปิดสถานีบริการ เชื้อเพลิงการบิน และน้ำมันหล่อลื่นในรัสเซีย
Shell ยังแสดงความเสียใจที่ซื้อน้ำมันดิบรัสเซียในปลายเดือนกุมภาพันธ์ แม้ด้วยเหตุผลความมั่นคงด้านพลังงาน ดังนั้นบริษัทจะนำผลกำไรจากน้ำมันรัสเซียที่เหลืออยู่ไม่มากมาจัดตั้งเป็นกองทุน และจะร่วมกับพันธมิตรด้านความช่วยเหลือและหน่วยงานด้านมนุษยธรรม เพื่อพิจารณาว่าจะมอบเงินจากกองทุนนี้ไปที่ใดเพื่อบรรเทาผลร้ายแรงสงครามครั้งนี้ที่มีต่อประชาชนของยูเครน
ด้าน BP ประกาศวันที่ 27 กุมภาพันธ์[9]ว่า คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้ถอนการถือหุ้นที่มีอยู่ 19.75% ใน Rosneft บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย จากที่ได้ลงทุนมาตั้งแต่ 2556
นอกจากนี้ Bernard Looney ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร bp ได้ลาออกจากคณะกรรมการของ Rosneft โดยมีผลทันที กรรมการ Rosneft คนอื่นที่ได้รับการเสนอชื่อโดยอดีตผู้บริหารระดับสูงของกลุ่ม BP ก็ลาออกจากคณะกรรมการเช่นกัน
Helge Lund ประธาน BPกล่าวว่า “การโจมตียูเครนของรัสเซียเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวซึ่งมีผลกระทบที่น่าเศร้าทั่วทั้งภูมิภาค BP ดำเนินธุรกิจในรัสเซียมานานกว่า 30 ปี โดยทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานชาวรัสเซียที่มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการทางทหารนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน ทำให้คณะกรรมการ BP มีความเห็นตรงกันหลังจากผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า การมีส่วนร่วมของเรากับ Rosneft ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจนั้นไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เราไม่สามารถสนับสนุนตัวแทน BP ที่มีบทบาทในบอร์ด Rosneft ได้อีกต่อไป การถือครอง Rosneft ไม่สอดคล้องกับธุรกิจและกลยุทธ์ของ BP อีกต่อไป และเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการที่จะถอนการถือหุ้นของ BP ใน Rosneft คณะกรรมการ BP เชื่อว่าการตัดสินใจเหล่านี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดของผู้ถือหุ้นของเราทุกคน”
ส่วนบริษัท Exxon Mobil ออกแถลงการณ์[10]ประกาศยุติการดำเนินการในรัสเซีย[9]ในวัน 1 มีนาคม พร้อมสนับสนุนชาวยูเครนในการปกป้องเสรีภาพและกำหนดอนาคตของตนเองในฐานะชาติ
ในแถลงการณ์ Exxon Mobil ได้แสดงความเสียใจต่อการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่ละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ทำให้ประชาชนตกอยู่ในอันตราย รวมทั้งเกิดการสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ และสนับสนุนการตอบสนองระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดอย่างเต็มที่
ExxonMobil ซึ่งดำเนินโครงการ Sakhalin-1 ในนามของกลุ่มกิจการค้าร่วม(consortium)ระหว่างญี่ปุ่น อินเดีย และรัสเซีย แจ้งว่า ได้เริ่มกระบวนการเพื่อยุติการดำเนินงานและเตรียมการในการถอนตัวออกจากโครงการ Sakhalin-1
ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ExxonMobil จะไม่มีการลงทุนเพิ่มในรัสเซีย
“Clearway Capital”จี้ TotalEnergies ถอนตัวก่อนยื่นมติผู้ถือหุ้น
ในช่วงที่เกิดสงครามใหม่ๆ นักลงทุน ESG ยังรีรอที่จะดำเนินการ [11]จนได้รับแรงกดดันจากรัฐบาล เช่น กองทุนความมั่งคั่งของประเทศหรือ sovereign wealth fund ประเทศนอร์เวย์ที่บริหารสินทรัพย์รวมมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ระบุว่า ไม่มีแผนที่จะขายสินทรัพย์รัสเซียที่ถือครองในมูลค่า 3 พันล้านดอลาร์ออกไป จนกระทั่งรัฐบาลชี้ว่า “สงครามรุกรานยูเครนอย่างโหดร้ายจากรัสเซีย” และเรียกร้องให้ระงับการลงทุนและถอนการลงทุน
แม้แต่ BP ที่ออกแถลงการณ์ถอนการลงทุน ใน Rosneft บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ในช่วงแรกก็ยังไม่ขยับแม้นักลงทุนสะท้อนความกังวล จนถูกรัฐบาลสหราชอาณาจักรกดดันให้ดำเนินการ เพราะการรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้สังคมแตกสลาย
แต่ Activist investor กลับมีบทบาทร่วมกับนักลงทุนสถาบันในการกดดันให้บริษัทพลังงานให้ยุติการทำธุรกิจในรัสเซีย
Clearway Capital ได้เขียนจดหมายถึงคณะกรรมการบริษัท TotalEnergies ธุรกิจพลังงานของฝรั่งเศส[12]เพื่อเรียกร้องให้ถอนการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย อันเนื่องจากสงครามในยูเครน มิฉะนั้นจะเผชิญกับการออกเสียงลงคะแนนในประเด็นนี้ในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งต่อไป
การดำเนินการของ Clearway Capital ครั้งนี้ถือเป็นการรณรงค์สาธารณะครั้งแรก ที่เรียกร้องให้บริษัทชั้นนำตอบสนองต่อการรุกรานเพื่อนบ้านของรัสเซีย ในขณะที่ความไม่พอใจต่อการก่อสงครามทำให้บริษัทระหว่างประเทศหลายร้อยแห่งในภาคธุรกิจต่างๆ ถอนตัวออกรัสเซีย
TotalEnergies ได้ระงับการลงทุนใหม่ในรัสเซียและระงับการค้าน้ำมันที่ผลิตในรัสเซีย ซึ่งคิดเป็น 24% ของปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วและรวมถึงการถือหุ้นในผู้ผลิตก๊าซ Novatek แต่ยังไม่ถอนตัว
หลังจากมีส่วนร่วมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจำนวนหนึ่ง Gianluca Ferrari ผู้ก่อตั้งบริษัท Clearway Capital ระบุในจดหมายว่า กำลังเรียกร้องให้คณะกรรมการให้คำมั่นว่าจะออกจากรัสเซียทันที
“เราเชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากฐานผู้ถือหุ้นของบริษัท สำหรับการดำเนินการอย่างเด็ดขาดของ TotalEnergies”
จดหมายของ Clearway เรียกร้องให้ยุติการซื้อไฮโดรคาร์บอนของรัสเซียในตลาดสปอตทั้งหมด โดยเรียกร้องให้ยุติสัญญาซื้อที่มีอยู่ และจัดทำแผนเพื่อถอนการดำเนินงานและยุติสัญญาทั้งหมด “โดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
โฆษกของ TotalEnergies กล่าวถึงจุดยืนของบริษัทว่าจะไม่ลงทุนโครงการใหม่อีกต่อไปและจะดำเนินการตามมาตรการคว่ำบาตรของยุโรป
Clearway กล่าวว่าบริษัทควรแสดงเจตจำนงที่จะขายหุ้น Novatekในทันที และตัดความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งหมด รวมถึงโครงการ Yamal และ Arctic LNG ตลอดจนการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับเขต Termokartovoye และ Kharyaga
Ferrari ปฏิเสธที่จะระบุชื่อนักลงทุนที่บริษัทกำลังหารือร่วมด้วย แต่จากข้อมูล Refinitiv ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ TotalEnergies คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ฝรั่งเศส, BlackRock และ Norges Bank Investment Management
“แม้มูลค่าหุ้นของเราค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจโดยรวม เรามั่นใจว่าจะมีการสนับสนุนเพียงพอที่จะยื่นมติในการประชุมที่จะมีขึ้น” Ferrari กล่าวแต่ไม่ระบุสัดส่วนหุ้นที่มี
Clearway ระบุในจดหมายว่า ความไม่สมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดจากการโจมตีในยูเครนจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ TotalEnergies และดังนั้น “เราเชื่ออย่างยิ่งว่า Total ต้องเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่การทำธุรกิจกับหรือในรัสเซียไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป”
จดหมายยังระบุอีกว่า “ในระยะสั้น ความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรและความเป็นไปได้ที่จะตอบโต้จากรัฐรัสเซียนั้นมีน้ำหนักมากกว่าผลประโยชน์ทางการเงินใด ของการดำเนินงานต่อเนื่องในรัสเซียและธุรกิจใดๆ กับวิสาหกิจของรัสเซีย” รายงานระบุ
ในระยะกลางและระยะยาวบริษัทที่มีการดำเนินงานในรัสเซีย “จะถูกตราหน้าจากลูกค้าและนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาคพลังงาน ซึ่งธุรกิจมีส่วนสนับสนุนโดยตรงในการจัดหาเงินทุนให้กับรัฐรัสเซีย”
Church of England ร่วมกดดัน
ด้าน Church of England [13] คริสตจักรแห่งอังกฤษ ได้กดดัน TotalEnergies ต่อการตัดสินใจที่จะไม่ตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจกับรัสเซียหลังจากการรุกรานของยูเครนเช่นเดียวกัน
กองทุนเพื่อการลงทุนของ Church of England ระบุว่า จะพิจารณาการถือหุ้นในบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส โดยสองกองทุนของ Church of England ยังเรียกร้องให้บริษัททบทวนการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน
TotalEnergies ประณามการรุกรานของรัสเซีย แต่ไม่ได้ตามรอย BP และ Shell ในการถอนตัวจากรัสเซีย
ยังไม่มีข้อมูลว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญหรือ Pensions Board ของ Church of England และกองทุนเพื่อการลงทุนของคณะกรรมาธิการศาสนจักร Church Commissioners for England ถือหุ้นมากแค่ไหนใน TotalEnergies
ในจดหมายที่ร่วมจัดทำ[14]และส่งถึง Patrick Pouyanne ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TotalEnergies ทั้ง Pensions Board ของ Church of England และกองทุนของChurch Commissioners ระบุว่า บริษัทแปลกแยกจากบริษัทอื่นในธุรกิจเดียวกัน
เมื่อเดือนที่แล้ว Pensions Board ของโบสถ์และกองทุน Church Commissioners ขายการลงทุน 20 ล้านปอนด์ในธุรกิจของรัสเซียออก และห้ามการลงทุนเพิ่มเติม ในรัสเซีย
ในแถลงการณ์ที่ส่งถึงสำนักข่าว The Times คริสตจักรแห่งอักฤษระบุว่า ได้ดำเนินการ “เพื่อตอบสนองต่อการโจมตียูเครนโดยรัสเซียและสนับสนุนการคว่ำบาตรที่ประกาศโดยสหราชอาณาจักรและรัฐบาลอื่นๆ”
Church Commissioners บริหารกองทุนมูลค่า 9.2 พันล้านปอนด์ ขณะที่pensions board บริหารกองทุนมูลค่า 3.7 พันล้านปอนด์
อ้างอิง
[1] Times of India.2022. Russia-Ukraine war: Implications for use of ESG in investment decisions https://timesofindia.indiatimes.com/blogs/voices/russia-ukraine-war-implications-for-use-of-esg-in-investment-decisions/(30 มีนาคม 2565)
[2] Investment Monitor.2022.What impact will the Russian invasion of Ukraine have on ESG investing? https://www.investmentmonitor.ai/special-focus/ukraine-crisis/russian-invasion-ukraine-esg-investing (28 มีนาคม 2565)
[3] YahooFinance. 2022.ESG Finds Itself at Crossroads After Investing in Putin’s Russia. https://finance.yahoo.com/news/esg-finds-itself-crossroads-investing-140020422.html (30 มีนาคม 2565)
[4] AB Blog.2022.Evolving Thoughts on ESG: The Case for Energy and Defense Stocks. https://www.alliancebernstein.com/library/evolving-thoughts-on-esg-the-case-for-energy-and-defense-stocks (30 มีนาคม 2565)
[5] SEB Investment Management.2022.SEB Investment Management updates the sustainability policy for investments in the defense industry. https://sebgroup.lu/private/information-for-investors/news/seb-investment-management-updates-the-sustainability-policy-for-investments-in-the-defence-industry (30 มีนาคม 2565)
[6] Capital Monitor.2022.What Russia’s war means for responsible investment https://capitalmonitor.ai/strategy/responsilbe/what-russias-war-means-for-responsible-investment/ (30 มีนาคม 2565)
[7] The Wall Street Journal.2022.ESG Rules Bend With War: SEB Says OK to Invest in Defense Stocks Again. https://www.wsj.com/livecoverage/russia-ukraine-latest-news-2022-03-02/card/esg-rules-bend-with-war-seb-says-it-is-ok-to-invest-in-defense-stocks-again-iPvqQL3PW4Kr6UcuGDuj (30 มีนาคม 2565)
[8] Shell.2022.Shell announces intent to withdraw from Russian oil and gas. https://www.shell.com/media/news-and-media-releases/2022/shell-announces-intent-to-withdraw-from-russian-oil-and-gas.html (30 มีนาคม 2565)
[9] BP.2022. bp to exit Rosneft shareholding. https://www.bp.com/en/global/corporate/news-and-insights/press-releases/bp-to-exit-rosneft-shareholding.html (30 มีนาคม 2565)
[10] ExxonMobil.2022.ExxonMobil to discontinue operations at Sakhalin-1, make no new investments in Russia. https://corporate.exxonmobil.com/News/Newsroom/News-releases/2022/0301_ExxonMobil-to-discontinue-operations-at-Sakhalin-1_make-no-new-investments-in-Russia (30 มีนาคม 2565)
[11] Bloombergquint.2022.War Jolts ESG Funds That Waited Too Long to Unload Russia Assets. https://www.bloombergquint.com/markets/russia-s-war-sends-wakeup-call-to-esg-investors (30 มีนาคม 2565)
[12] Euronews.2022.Exclusive-Activist Clearway urges TotalEnergies to exit Russia or face vote https://www.euronews.com/next/2022/03/12/ukraine-crisis-activist-totalenergies-exclusive (30 มีนาคม 2565)
[13] BBC.2022.Church of England pressures TotalEnergies over Russia business https://www.bbc.com/news/business-60760375 (30 มีนาคม 2565)
[14] Church of England. Letter to the Chair and Chief Executive of TotalEnergies. https://www.churchofengland.org/media-and-news/press-releases/letter-chair-and-chief-executive-totalenergies (30 มีนาคม 2565)
[15] ThaiPublica. 2 กองทุน “Clearway Capital-Church of England” ยก ESG กดดัน TotalEnergies ถอนตัวจากรัสเซีย