ให้ “เงิน” ช่วยทำงาน ทางเลือกที่ใช่ในการ ‘สร้างรายได้’ เพิ่ม!!

เราใช้ช่วงชีวิตในช่วงแรกไปกับการเรียนหนังสือสุดท้ายเพื่อก้าวเดินเข้าสู่ถนนสาย ‘การทำงาน’ ซึ่งจะต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงวัยเกษียณกันเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจว่าการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาหมดไปกับการทำงาน

ซึ่งบางคนทำงานจนชนิดที่ว่า ‘ทำจนตัวเป็นเกลียว...หัวเป็นน็อต’ เพื่อให้ถึงเป้าหมายในชีวิตหรือความฝันของตัวเอง เพราะด้วยต้นทุนชีวิตของแต่ละคนที่ไม่เท่ากันจึงทำให้ในบางคนเองก็ต้องพยายามอย่างหนัก

“การทำงานเพื่อสร้างเงินสะสมความมั่งคั่งยกระดับคุณภาพชีวิตไปตลอดระยะเวลาที่เรายังมีแรงที่จะทำงาน ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของตัวเอง โดยมีความเสมอภาคในเรื่องของ ‘เวลา’ ซึ่งทุกคนมีเสมอเหมือนกันคือเวลา 24 ชั่วโมง เท่ากันใน 1 วัน ขึ้นกับว่าแต่ละคนจะใช้เวลาที่เท่ากันนี้หาเงิน

ต่างกันอย่างไรเท่านั้นเอง ชีวิตคุณเลือกได้ แล้วคุณล่ะ...จะเลือกแบบไหน?”

ซึ่งวิธีที่จะเริ่มได้ง่ายๆและทำได้ทันทีเลยนั้น อย่างแรกก็คือ ‘ประหยัด’ หรือ ‘การลดรายจ่าย’ ของสิ้นเปลืองต่างๆ ที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบโดยวิธีนี้สามารถเริ่มได้ทันทีและช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ แต่การลดค่าใช้จ่ายก็มีข้อจำกัดทำได้ระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะท้ายสุดต่อให้คุณไม่มีรายได้ คนเราก็ยังต้องใช้จ่ายอยู่นั่นเอง (นั่นเป็นปัญหาเรื่องหนี้ที่พอจะเข้าใจได้) หรืออีกวิธี ‘การหารายได้เพิ่ม’ ซึ่งถือเป็นทางออกที่น่าจะใช้ควบคู่กันไปได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ‘ทัศนคติ’ และ ‘มุมมองที่มีต่อทางเลือก’ ของคุณนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะมันจะเป็นเสมือน

หนึ่งเข็มทิศที่กำหนดวิธีการและเป้าหมายที่คุณกำลังจะมุ่งไปนั่นเองลองมาดูตัวอย่างของทัศนคติที่แตกต่างในเรื่องของการ ‘สร้างรายได้เพิ่ม’ กัน

• งานเยอะ/งานหนัก...กับการวางแผนการเงิน อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนต้นว่า การทำงานในแต่ละวันก็ค่อนข้างหนักและการใช้เวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับงานประจำ ในขณะที่บางคนมองว่างานเยอะจะเอาเวลาที่ไหนไปจัดการเรื่องเงิน แต่บางคนกลับมองต่างเห็นว่าการทำงานหนักแบบนี้ตลอดไปไม่ดีแน่ ต้องหาวิธีบริหารเงินแล้ว

“ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่มีเวลา...ก็จบ เพราะทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากัน คือ 24 ชม. ถ้าคุณเห็นว่าเรื่องการวางแผนการเงิน การบริหารเงิน ‘สำคัญเพียงพอสำหรับชีวิต’ เชื่อว่า...คุณจะมีเวลาให้กับมันได้เองในที่สุด”

• จะหารายได้เพิ่มยังไงดี? ปกติเราจะใช้แรงงานของตัวเองในการสร้างรายได้เป็นหลัก เป็นลักษณะของ
  ‘Active Income’ ก็คือ ใช้แรงทำงานหาเงิน ตราบใดที่ยังมีแรงทำงาน ก็ยังมีรายได้ แต่เมื่อใดหมดแรง
  หรือเจ็บป่วยไม่สามารถทำงานได้ รายได้ก็จะหายไป เป็นต้น

หลายคนก็ได้เกิดไอเดียอย่างการแบ่งเวลาส่วนตัวบางช่วงมาใช้ในการทำงานเพิ่มนอกเวลางาน Overtime (OT) เพราะความคิดที่ว่าการทำงานให้หนักขึ้นก็จะได้เงินมากขึ้น ซึ่งก็ยังเป็นรูปแบบของ Active Income อยู่นั่นเอง

“แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ‘การใช้เงินทำงาน’เป็น ‘Passive Income’ เอาเงินที่เราหามาได้ ไปลงทุนเพื่อสร้าง

ผลตอบแทนกลับมาให้กับเรา ซึ่งเงินจะทำงานให้เราทุกวัน ตลอด 7 วัน 24 ชม. ไม่มีวันหยุดเลย ซึ่งปัจจุบันก็มี

ช่องทางการลงทุนที่นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายอย่าง ‘กองทุนรวม’ เป็นทางเลือกที่เริ่มต้นง่ายๆ ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีในรูปแบบของ ‘การลงทุน’ เพื่อให้เงินต้นออกดอกออกผลในอนาคตด้วยผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนั่นเอง”

โดยผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และสามารถเข้าถึงได้ง่ายในช่วงเริ่มต้นอย่าง ‘กองทุนรวม’ มีข้อดี คือ การใช้เงินเริ่มต้นเพื่อการลงทุนมีจำนวนน้อย หรือบางกองทุนเองก็ไม่ได้มีการกำหนดจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ เพื่อให้นักลงทุนหรือคนที่มีเป้าหมายการออมเงิน สามารถเข้าถึงการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่สูงมากนัก

• จะ ‘แบ่งเวลา’ ไปทำงานเพิ่ม หรือ ‘แบ่งเงิน’ ไปให้ผู้จัดการกองทุนบริหารดี นอกจากการทำงานเพิ่ม เพื่อสร้างรายได้เพิ่มแล้ว บางคนก็ยัง ‘แบ่งเวลาส่วนตัว’ ไปรับงานข้างนอกเพิ่มเติมก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ แต่ก็ยังจัดเป็นรายได้ในรูปแบบของ Active Income อยู่นั่นเอง ซึ่งการใช้ชีวิตอย่างหักโหมแบบข้างต้น ก็จะเป็น
  ผลพวงมาถึงปัญหาต่อร่างกายและสุขภาพได้เช่นกัน

หรือเราจะ ‘แบ่งเงินออม’ บางส่วนไปลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวม’ และให้ ‘ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager)’ ดูแลบริหารจัดการลงทุนให้แทน อย่างที่บอกว่า..ทุกคนร่ำเรียนมาสุดท้ายก็ต้องทำงานสร้างเงินกันทั้งนั้น ‘ผู้จัดการกองทุน’ ก็เช่นเดียวกัน การบริหารเงินลงทุนเป็นอาชีพของเขา เป็นอาชีพแบบ Full Time ที่ใช้เวลาในการทำงานทั้งหมด

เพื่อเรื่องของการลงทุนโดยเฉพาะ

“จะดีกว่ามั้ย...ถ้าเราก็ทำงานที่เราถนัดไป หาเงินมาได้ก็เอาไปลงทุนให้ ‘ผู้จัดการกองทุน’ ทำงานที่เขาถนัดในด้านการลงทุนแทนเรา Win-Win ทั้งคู่”

• บริหารเวลาได้ดี...มีเวลาเหลือไปทำสิ่งที่ชอบได้อีกมาก: ด้วยเวลาที่มีจำกัดใน 1 วัน เพียง 24 ชม. ทำให้ความพยายามในการสะสมเงินด้วย น้ำพักน้ำแรง อย่างการทำงานเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เงินมากขึ้นนั้นก็อาจกลายเป็น ‘ดาบสองคม’ ให้เราหมดเงินไปกับค่ารักษาพยาบาลต่างๆ เพื่อรักษาสุขภาพและโรคภัยที่เข้ามาในยามที่ใช้ชีวิตหักโหมจนเกินไป หรือในช่วงอายุขัยที่มากขึ้น เป็นต้น ซึ่งอาจ ‘ได้ไม่คุ้มเสีย’ ถ้าเป็นเช่นนั้น คงไม่มีใครอยากเจอสภาพเช่นนั้น คุณเองก็เช่นกัน

แต่หากเราได้จัดสรรและแบ่งเงินให้ ‘เงินได้ทำงาน’ แล้ว เราก็จะได้ทั้งเวลาในการพักผ่อนที่มากขึ้น แล้วยังได้ให้เงินได้ทำงานผ่านการลงทุน ซึ่งช่วยให้เรามีเงินออมที่งอกเงยเพิ่มเติมได้อีกด้วย

“เพียงแต่ว่าความสำคัญที่เราควรรู้นั้น คือการวางเงินให้ ‘ถูกที่ถูกทาง’ หรือลงทุนให้ถูกที่ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่มีโอกาสเติบโตของเงินลงทุนมากกว่าการเก็บสะสมอยู่เฉยๆ แถมการลงทุนก็ช่วยให้เรายังทำงานประจำได้อย่างปกติสุขอีกด้วย”

ลองนึกดูว่าถ้าคุณเอาเงินที่หาได้ไปเก็บใน ‘เงินฝากออมทรัพย์’ ที่ให้ผลตอบแทน 0.25% ต่อปี คุณต้องใช้เวลาถึง 288 ปี กว่าเงินของคุณจะโตเป็น 2 เท่า (หมายเหตุ: คำนวณตามกฎของเลข 72)  เรียกว่า...ชั่วชีวิตนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นกันเลยทีเดียว ในทางตรงข้ามหากคุณโยกเงินไปลงทุนเก็บออมไว้ใน ‘กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก’ ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.20% ต่อปี เงินคุณจะโตเป็น 2 เท่าเร็วขึ้นในระยะเวลาเพียง 11.61 ปี เท่านั้น เร็วกว่ากันเยอะ (ที่มา: Morningstar Direct ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64, ผลตอบแทนกลุ่มกองหุ้นขนาดกลาง-เล็กเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี 6.20% ต่อปี)

หากนักลงทุนสนใจอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการวางเงินให้ถูกที่ถูกทางนั้น สามารถค้นข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาง่ายๆ ได้ที่ www.setinvestnow.com

            “ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีเวลาใน 1 วัน หรือ 24 ชม. ที่เท่ากัน แต่ถ้าหากเรารู้จักการบริหารจัดการเวลาและ

วางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้เวลาใน 1 วันนั้น สามารถทำอะไรได้อีกเยอะแยะ โดยไม่ต้องหมดไปกับการทำงานเพื่อหารายได้เพียงอย่างเดียว ‘ชีวิตคุณเลือกได้’ แล้วคุณล่ะ...จะเลือกแบบไหน? ลองมา ‘ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม’ กันดีกว่า”

>> สนใจเปิดบัญชีกองทุนรวม: คลิกเลย !!

คำเตือน: ผลตอบแทนในอดีต มิได้รับประกันถึงผลตอบแทนในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน