เลือกลงทุนหุ้นเติบโตในราคาเหมาะสม

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
6 สิงหาคม 2564
18.51k views
Inv_เลือกลงทุนหุ้นเติบโตในราคาเหมาะสม_Thumbnail
Highlights
  • การเลือกหุ้นเติบโตในราคาที่เหมาะสม เป็นตัวช่วยที่จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้อีกระดับหนึ่งว่าหุ้นที่ซื้อนั้นมีราคาเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ไม่แพงจนเกินไป

  • หุ้นที่ดีสำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นเติบโตด้วยระดับราคาที่เหมาะสมจะต้องมีค่า PEG Ratio น้อยกว่า 1 เพราะถือว่าราคาหุ้นยังมีราคาถูก

  • ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัวและหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หากเลือกลงทุนในธุรกิจที่ดีแต่มูลค่ายังอยู่ในระดับต่ำ จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้

โดยหลักการทั่วไป หุ้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “หุ้นคุณค่า” และ หุ้นเติบโต โดยหุ้นคุณค่าจะเป็นหุ้นที่มีราคาหรือมูลค่าต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม (ของดี ราคาถูก) หรือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ส่วนหุ้นเติบโตจะเป็นหุ้นที่เน้นการเติบโตของรายได้และกำไร (ของดี ราคาสูง) มีผลการดำเนินงานเติบโตและโดดเด่น เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น

 

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังไม่ยุติ ทำให้การลงทุนไม่ง่ายนัก ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องมองหากลยุทธ์อื่น ๆ ด้วยการลงทุนโดยอาศัยหลักการของหุ้นเติบโตและการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเข้าด้วยกัน ซึ่งกลยุทธ์นี้เรียกว่า “การลงทุนหุ้นเติบโตด้วยระดับราคาที่เหมาะสม” (Growth At a Reasonable Price : GARP) โดยนักลงทุนจะมองหาธุรกิจที่มีมูลค่าต่ำและคาดการณ์ว่าการเติบโตของรายได้จะสม่ำเสมอและสูงกว่ากลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน นี่คือ หุ้นเติบโตในราคาที่ไม่สูงเกินไป

 

หลักการเลือกหุ้นที่เติบโตด้วยระดับราคาที่เหมาะสมจะเน้นเลือกหุ้นที่มี PEG Ratio ต่ำกว่า 1 เท่า และ P/E Ratio มีค่าน้อยกว่าอัตราการเติบโตของกำไร เพราะจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

 

วิธีการนี้ใช้หลักการพิจารณาความสมดุลระหว่างราคาหุ้นกับอัตราการเติบโตที่คาดหวังของกำไร โดยนักลงทุนจะจ่ายเพื่อซื้ออัตราการเติบโตของกำไรของหุ้นในราคาที่เหมาะสม ซึ่งความเหมาะสมของราคาจะพิจารณาจากการเปรียบเทียบค่า P/E Ratio ของหุ้นกับอัตราการเติบโตที่คาดหวังของกำไร

 

สูตรในการหาหุ้นที่เติบโตด้วยระดับราคาที่เหมาะสม คือ PEG Ratio คำนวณจากการใช้อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของธุรกิจเพิ่มเข้ามาในการคำนวณ ซึ่งค่านี้สามารถหาได้จากการนำกำไรต่อหุ้น (Earnings per Share : EPS) ในปีปัจจุบันเทียบกับปีที่ผ่านมา




วิธีการหาค่า PEG Ratio มี 2 ขั้นตอน โดยจะเริ่มจากหาค่า P/E Ratio (ราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น) จากนั้นจึงหาค่า PEG Ratio

 

ตัวอย่าง

  • หุ้น ABC ราคา 10 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท โดยประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น 5%
  • หุ้น XYZ ราคา 20 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท โดยประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น 20%

 

จากตัวอย่าง หุ้น ABC มีค่า P/E Ratio ระดับ 5 เท่า (10 หาร 2) มีค่า PEG Ratio ระดับ 1 เท่า (5 หาร 5)

ส่วนหุ้น XYZ มีค่า P/E Ratio ระดับ 10 เท่า (20 หาร 2) มีค่า PEG Ratio ระดับ 0.5 เท่า (10 หาร 20)

ดังนั้น หุ้น XYZ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับกลยุทธ์การเลือกหุ้นเติบโตในราคาเหมาะสม

 

หุ้นจะถูกพิจารณาว่ามีราคาเหมาะสม (Fair Value) ก็ต่อเมื่อค่า P/E Ratio ของหุ้นตัวนั้นมีค่าเท่ากับอัตราการเติบโตของกำไร แต่ถ้าน้อยกว่าจะเรียกว่า Undervalue (ราคาถูก) หรือถ้าสูงกว่าจะเรียกว่า Overvalue (ราคาแพง)




โดยเป้าหมายของนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ลงทุนหุ้นเติบโตด้วยระดับราคาที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่ไม่มีความแน่นอนเช่นนี้ คือ การพยายามปิดจุดด้อยที่อาจเกิดขึ้นกับหุ้นเติบโต ซึ่งราคาหุ้นมักมีความผันผวนสามารถปรับขึ้นและปรับลงอย่างรุนแรง ในขณะที่ราคาหุ้นคุณค่ามีแนวโน้มที่จะไม่ไปไหน ไม่ขึ้นลงหวือหวา เป็นหุ้นดี ที่มีราคาถูกกว่าปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น เมื่อนำหลักการของหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่ารวมเข้าด้วยกันเป็นกลยุทธ์ จึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตลาด (Outperform)

 

ทั้งนี้ หากประเมินว่าเศรษฐกิจยังคงส่งสัญญาณชะลอตัว กลยุทธ์ลงทุนหุ้นเติบโตด้วยระดับราคาที่เหมาะสม จึงค่อนข้างเหมาะสม เพราะเป็นการลงทุนในสถานการณ์ที่หุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลง (Downside) ดังนั้น หากเลือกลงทุนในธุรกิจที่ดีแต่มูลค่ายังอยู่ในระดับต่ำ จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้

 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากคัดกรอง “หุ้นเติบโต” ด้วยตนเอง เพื่อลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว สามารถสมัครใช้บริการ SETSMART ได้ที่เว็บไซต์ www.setsmart.com เพียง 250 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับข้อมูลที่จะได้รับ เช่น ภาวะการซื้อขาย เทรนด์นักลงทุนต่างชาติ หรือข้อมูลหุ้น อนุพันธ์ และกองทุนรวม ครบจบในเว็บเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลย!!!

 

และสำหรับมือใหม่ที่สนใจเรียนรู้สไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ตั้งแต่หลักพื้นฐานในการประเมินมูลค่าหุ้น เพื่อคัดเลือกหุ้นดีเข้าพอร์ตลงทุน ตลอดจนกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้น และบริหารพอร์ตหุ้นในแต่ละสภาวะ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุนในหุ้นฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง: