เทรดหุ้นฮ่องกงชั้นนำผ่านตลาดหุ้นไทย ด้วย DW

          ปัจจุบันนี้ ผู้ลงทุนนิยมลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ด้วยเหตุผลว่าต้องการกระจายเงินลงทุนไปในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นหรือกองทุนต่างประเทศมากขึ้น  ซึ่งผู้ลงทุนมักจะคุ้นเคยกับการลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนหรือเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหุ้นต่างประเทศโดยตรง ในวันนี้จะมาแนะนำทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ด้วย DW ที่ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดหุ้น

          ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ DW (Derivative Warrants) หรือชื่อเต็ม ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เสมือนหุ้นตัวหนึ่ง ผู้ลงทุนสามารถใช้บัญชีหุ้นเดิมที่มีซื้อขาย DW ได้ทันที ลักษณะเด่นของ DW ที่แตกต่างจากหุ้นทั่วไป ก็คือราคาของ DW แต่ละรุ่นนั้นจะอ้างอิงกับหุ้นอ้างอิงที่ระบุไว้ และราคา DW ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาหุ้นอ้างอิงนั้น ซึ่ง DW มีทั้งประเภท Call DW ที่ราคา DW จะปรับขึ้นเมื่อราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวขึ้น และ Put DW ราคา DW จะปรับขึ้นเมื่อราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวลง หรือพูดง่ายๆ ว่า DW สามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งหุ้นขึ้นหรือหุ้นลง จริงๆ แล้ว DW เป็นอนุพันธ์ประเภทหนึ่งคือเป็นสินค้าที่มี Leverage หรืออัตราทด จะสังเกตได้ว่าราคาของ DW จะอยู่ที่ประมาณ 1-2 บาท ขณะที่หุ้นอ้างอิง เช่น  ADVANC อยู่ที่ 220 บาท ทำให้ผู้ลงทุนใช้เงินจำนวนไม่มาก ก็สามารถซื้อขาย DW ได้ นอกจากนี้ DW มีอายุจำกัดหรือมีกำหนดวันที่จะซื้อขายชัดเจน หาก DW หมดอายุผู้ลงทุนจะไม่สามารถซื้อขาย DW ได้อีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนต้องศึกษาก่อนที่จะซื้อขาย DW

          ที่ผ่านมา DW ที่มีให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะอ้างอิงกับหุ้นในดัชนี SET50 หุ้นในดัชนี SET100 ดัชนี SET50 และดัชนีต่างประเทศ เช่น Hang seng Index (HSI), S&500 Index (SPX), Hang seng Tech Index (HSTECH), Nasdaq 100 Index(NDX) หรือ Dow Jones Industrial Average(DJI) และล่าสุดในเดือนธันวาคม 2564 นี้ ได้มี DW ที่อ้างอิงกับหุ้นต่างประเทศเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและสร้างโอกาสให้ผู้ลงทุนในการเข้าถึงการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ได้สะดวกมากขึ้นผ่านตลาดหุ้นไทย

          DW อ้างอิงหุ้นต่างประเทศชุดแรกประกอบด้วย หุ้นของบริษัท Alibaba (อาลีบาบา) Meituan (เหม่ยถวน) Tencent (เทนเซ็นต์) Xiaomi (เสี่ยวหมี่) Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) และ JD.com (เจดี ดอทคอม) หุ้นทั้งหมดนี้เป็นหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นที่รู้จักของผู้ลงทุนไทย และยังเป็นหุ้นที่อยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก จึงเชื่อว่า DW ดังกล่าวน่าจะเป็นที่สนใจของผู้ลงทุน ที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างกำไรจากหุ้นฮ่องกงเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น หากผู้ลงทุนคาดการณ์ว่าหุ้น Alibaba จะปรับราคาขึ้น ก็สามารถซื้อ Call DW ของหุ้น Alibaba ได้ หรือหากคาดการณ์ว่าหุ้น Alibaba จะปรับราคาลงก็ Put DW ของหุ้น Alibaba ได้เช่นกัน ซื้อขายเป็นเงินบาท ด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกจำนวนไม่มาก และซื้อขายผ่านตลาดหุ้นไทย โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย DW ดังกล่าวได้ตลอดวันไม่มีหยุดพักกลางวัน เช่นเดียวกับ DW อ้างอิงดัชนีต่างประเทศ

          จากที่กล่าวมาแล้วว่า ราคาของ DW แต่ละรุ่นนั้นจะอ้างอิงกับหุ้นอ้างอิง และเคลื่อนไหวตามราคาหุ้นอ้างอิงหรือตรงกันข้ามแล้วแต่ว่าเป็น Call DW หรือ Put DW ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรต้องเข้าใจเพิ่มว่าราคา DW นั้นสะท้อนจากราคาของหุ้นต่างประเทศที่ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน และเมื่อถึงกำหนดชำระราคาก็จะมีการปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็น “บาท” ด้วยเช่นกัน

          นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างของเวลาและวันหยุดของตลาดหลักทรัพย์กับตลาดหลักทรัพย์ของหุ้นต่างประเทศอ้างอิงที่ผู้ลงทุนควรต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากผู้ดูแลสภาพคล่องจะทำหน้าที่ในการวางราคาเสนอซื้อเสนอขายเมื่อวันและเวลาทำการซื้อขายของ DW และของหุ้นอ้างอิงเปิดตรงกัน เช่น ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นฮ่องกง ที่อาจจะเหลื่อมเวลาเปิดปิดกันประมาณ 1 ชั่วโมง และมีวันหยุดที่อาจจะไม่ตรงกัน เป็นต้น

สำหรับ DW อ้างอิงหุ้นต่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดชื่อย่อของหุ้นฮ่องกง ทั้ง 6 ตัว ดังนี้

เริ่มการซื้อขาย 6 รุ่นแรก ได้ตั้งแต่ 16 ธ.ค.นี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

อ่านความน่าสนใจของตลาดหุ้นฮ่องกงได้ที่ https://www.thaidw.com/education/individualtip?id=183&type=index พร้อมติดตามความคืบหน้าได้จากเวปไซต์ผู้ออก DW บริษัทหลักทรัพย์ แมคควอรี (ประเทศไทย) จำกัด (MACQ)  เบอร์ 28

นอกจากนี้ข้อมูลต่างๆ สำหรับผู้สนใจลงทุนใน DW คลิกศึกษาข้อมูลได้ที่นี่เลย www.set.or.th/dw