จากสถิติการลงทุนในหุ้นไทย พบว่า... ถ้าซื้อหุ้นด้วยเงิน 10,000 บาทในปี 2518 จากนั้นถือมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2563 (เป็นเวลา 46 ปี) จะได้ผลตอบแทนทบต้น 10.87% นั่นคือ เงิน 10,000 บาทจะกลายเป็น 1,151,120 บาท มีคำถามตามมาว่า มีหนทางที่ทำเงินได้มากกว่านี้หรือไม่ คำตอบคือ มี ขอแค่มีวินัย ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนของตลาด
มาเริ่มต้นด้วยการจำลองสถานการณ์ โดยให้มีเงินลงทุนเพิ่มปีละ 10,000 บาท และให้เลือกลงทุนเพิ่มได้ 4 แบบด้วยกัน
การลงทุนทั้ง 4 แบบ ใช้เงินลงทุนเท่ากันที่ 440,000 บาท (เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2518) ต่างกันเพียงแค่ช่วงเวลาที่ใส่เงินลงทุนเข้าไป ถ้าดูเผินๆ แนวคิดที่ว่าเก็บเงินไปเรื่อยๆ แล้วรอลงทุนหลังตลาดหุ้นตกเยอะๆ น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี และยิ่งรอไปลงทุนหลังวิกฤติได้ น่าจะทำผลตอบแทนได้ดีที่สุด
แต่ในความเป็นจริง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นตรงข้าม เพราะยิ่งรอตลาดหุ้นตกแล้วค่อยลงทุน ยิ่งได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าปกติ
เมื่อลงทุนตามรูปแบบทั้ง 4 ไปจนครบ 46 ปี พบว่า
แนวคิดของการลงทุนเพิ่ม
ไม่ว่าจะนำผลตอบแทนทั้ง 46 ปีมาเรียงลำดับอย่างไร และไม่ว่าจะเริ่มต้นลงทุนในปีที่ดีหรือปีที่แย่ ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม เพราะในระยะยาวแล้วตลาดหุ้นจะมีปีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าติดลบ และมีปีที่บวกเยอะๆ มากกว่าปีที่ติดลบเยอะๆ
ดังนั้น ยิ่งเก็บเงินรอลงทุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียโอกาสที่จะให้เงินได้เติบโตทบต้นไปมากเท่านั้น และในระยะยาวความแตกต่างตรงนี้จะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับมีความแตกต่างกัน อย่างเช่นในช่วงเวลา 46 ปีที่ผ่านมา
หมายความว่า... ต้นทุนของความสบายใจหรือความรู้สึกดีที่ได้มาจากการพยายามจับจังหวะการลงทุนนั้น คือ ความมั่งคั่งที่หายไป 40 – 70% หรือคิดเป็นเงินหายไป 4 – 7 ล้านบาท แต่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เยอะ เพราะลงทุนเพียงแค่ปีละ 10,000 บาทเท่านั้น สมมติถ้ามีเงินลงทุนได้ปีละ 100,000 บาท ความมั่งคั่งที่หายไปจะมากถึง 40 – 70 ล้านบาท
จากสถิติของการลงทุนในหุ้นไทยตลอด 46 ปี สะท้อนให้เห็นว่า... ไม่สามารถจับจังหวะลงทุนหลังตลาดหุ้นตกหนักๆ ได้ทุกครั้ง หรือเมื่อรอจนตลาดตกและเริ่มขึ้นมาสักพักแล้วเริ่มลงทุน ยิ่งทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับน้อยถอยลงไปกว่าเดิม
โดยสรุปแล้วในโลกของการลงทุน “ยิ่งพยายามเก็บเงิน รอจังหวะลงทุนมากเท่าไหร่ ยิ่งได้รับผลตอบแทนน้อยลงเท่านั้น” ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างผลตอบแทนจากหุ้นระยะยาว คือ “การลงทุนในหุ้นอย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่น่าประทับใจแล้ว ยังทำให้ “สบายใจ” อีกด้วย เพราะไม่ต้องมานั่งคิด นั่งกังวล นั่งดูดัชนีตลาดหุ้นบ่อยๆ แต่ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้
สำหรับใครที่อยากลงทุนในหุ้นด้วยวิธีลงทุนสม่ำเสมอแบบ DCA แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้พื้นฐานและเทคนิคการลงทุนแบบ DCA ตลอดจนวิธีคัดเลือกหุ้นดี น่าลงทุน ผ่าน e-Learning หลักสูตร “วางแผนลงทุนสม่ำเสมอด้วยหุ้นและกองทุน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่