เลือกหุ้น จับจังหวะลงทุน ให้เหมาะกับตัวเอง

ความสามารถในการคัดเลือกหุ้นและจับจังหวะลงทุนของนักลงทุนแต่ละคน ถือเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณาเลือกกลยุทธ์จัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง เนื่องจากความเชี่ยวชาญในการลงทุนที่แตกต่างกัน จึงขอแบ่งนักลงทุนออกเป็น 4 กลุ่ม ตามความสามารถในการคัดเลือกหุ้นและเลือกจังหวะลงทุน

• เก่งทั้งคัดเลือกหุ้นและจับจังหวะลงทุน หากนักลงทุนเข้าข่ายเก่งทั้งสองอย่าง อาจไม่จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นที่หลากหลายนัก อาจเลือกหุ้น 2 – 3 ตัว จากนั้นก็ใช้วิธีการใดก็ได้ที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญในการหาจังหวะเข้าซื้อและขายทำกำไรในจังหวะที่เหมาะสม โดยนักลงทุนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเพิ่มเงินลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น และมักใช้กลยุทธ์ลงทุนเชิงรุก (Active Approach) ด้วยการใช้ปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด
• เก่งคัดเลือกหุ้น แต่ไม่เก่งจับจังหวะลงทุน นักลงทุนกลุ่มนี้อาจเป็นผู้ที่มีความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรมบางประเภทหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นพิเศษ ทำให้สามารถประเมินแนวโน้มได้ชัดเจนกว่านักลงทุนคนอื่น ๆ แต่จะไม่ถนัดจับจังหวะลงทุน ดังนั้น อาจจัดพอร์ตลงทุนด้วยหุ้น 4 – 5 ตัว และปรับค่าเบต้า (Beta) ของพอร์ตให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนในระยะยาว หรืออาจถือหุ้นไปจนกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นมีการเปลี่ยนแปลง โดยมักนำกลยุทธ์ลงทุนเชิงรุก (Active Approach) มาใช้เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี
• ไม่เก่งคัดเลือกหุ้น แต่เก่งจับจังหวะ นักลงทุนกลุ่มนี้อาจใช้วิธีซื้อกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และหาจังหวะในการเข้าลงทุนและขายทำกำไรตามการลงทุนที่ตัวเองถนัด โดยมักนำกลยุทธ์ลงทุนเชิงรับ (Passive Approach) มาใช้ เพราะต้องการเติบโตไปพร้อมกับตลาด และสร้างผลตอบแทนให้เท่ากับตลาดไปเรื่อย ๆ
• ไม่เก่งคัดเลือกหุ้น ไม่เก่งจับจังหวะลงทุน นักลงทุนกลุ่มนี้ควรลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะเดียวกัน ก็หลีกเลี่ยงการจับจังหวะลงทุนด้วยตัวเอง แต่ควรปรับค่าเบต้าของพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนในระยะยาว ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนเชิงรับ (Passive Approach) จึงเหมาะสมที่สุด

ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่เพียงต้องศึกษาข้อมูลและทำการบ้านอย่างต่อเนื่อง แต่ควรรู้จักตัวเองด้วย โดยการสำรวจตัวเองว่าเก่งหรือถนัดในด้านไหน และเมื่อรู้ลึกรู้จริงแล้วอาจยังไม่พอ ยังต้องฝึกฝนสิ่งที่ตัวเองไม่เก่งด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุด

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

สำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจอยากคัดกรอง “หุ้น” ด้วยตนเอง สามารถสมัครใช้บริการ SETSMART ได้ที่เว็บไซต์ www.setsmart.com เพียง 250 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับข้อมูลที่จะได้รับ เช่น ภาวะการซื้อขาย เทรนด์นักลงทุนต่างชาติ หรือข้อมูลหุ้น อนุพันธ์ และกองทุนรวม ครบจบในเว็บเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลย!!!

หรือสนใจเรียนรู้สไตล์การลงทุนแบบต่าง ๆ รวมไปถึงสไตล์หุ้นแต่ละประเภท เพื่อคัดเลือกหุ้นและวางกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะกับตนเอง สามารถเรียนรู้ได้ที่ e-Learning หลักสูตร “Investment Styles” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่