ลงทุน “หุ้น” ผ่าน “กองทุนหุ้นไทย” ผลตอบแทนก็ปังได้ไม่แพ้หุ้นโลก

โดย SET X ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม
3 Min Read
30 เมษายน 2564
19.608k views
Thumbnail-Thematic-Vol1-VI
In Focus

การลงทุนใน “กองทุนหุ้นไทย” มีให้เลือกหลากหลายประเภท นอกจากได้กระจายความเสี่ยงแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ด้วย แล้วกองทุนหุ้นไทยแบบไหนล่ะที่เหมาะกับคุณ มาดูกันเถอะ!

“คนรวยระดับโลก ไม่มีใครที่ไม่ลงทุนใน “ตลาดหุ้น” สัดส่วนมากน้อยแตกต่างกันไป เพราะการลงทุนใน “หุ้น” เป็นทางเลือกการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าทางเลือกอื่นโดยเปรียบเทียบนั่นเอง

และยิ่ง ‘ระยะเวลาการลงทุนยิ่งนาน’ การลงทุนในหุ้น ‘ความผันผวนจะลดลง’ ในขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยจะดีขึ้นด้วย และข้อเท็จจริงนี้มีการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกไม่เฉพาะกับ ‘ตลาดหุ้นต่างประเทศ’ แต่ยังเป็นจริงกับ ‘ตลาดหุ้นไทย’ ด้วยเช่นกัน”

รู้หรือไม่ว่า...“ผลตอบแทนรวมตลาดหุ้นไทย (SET TRI)” ย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 7.77% ต่อปี (ที่มา:ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ณ วันที่ 31 มี.ค. 64) ซึ่งเพียงพอจะทำให้เงินลงทุนของคุณโตเป็น 2 เท่า ในระยะเวลาเพียง 9.27 ปี (ที่มา: กฎของตัวเลข 72 (The Rule of 72)= 72/ 7.77) เท่านั้น แต่ถ้าเอาไปฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดาเฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่ (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย, ณ วันที่ 31มี.ค.64)) จะต้องใช้เวลานานถึง 288 ปี เลยทีเดียวซึ่งการลงทุนระยะยาวใน “หุ้น” ไม่ว่าช่วงเวลาใดก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่นๆ อยู่นั่นเอง

เมื่อพูดถึงการลงทุนใน “ตลาดหุ้นไทย” ผ่าน “กองทุนรวมหุ้น” นั้น ทราบหรือไม่ว่าได้มีการแบ่งประเภทของ “กองทุนรวมตราสารทุนในประเทศ” หรือ “กองทุนหุ้นไทย” ไว้เป็น 3 ประเภท (ที่มา: เอกสารการจัดประเภทกองทุนรวมเพื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกองทุน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน, ณ วันที่ 19 มี.ค.64) ซึ่งจะมีนิยามของแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป ทั้ง  3 ประเภท ประกอบด้วย

“กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก” (Equity Small – Mid Cap) ปัจจุบันมี 25 กอง ตามนิยามของกองทุนคือ เป็นการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นไทยที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ‘ไม่ต่ำกว่า 80%’ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม(NAV) สำหรับ การพิจารณาค่า Market Capitalization จะดูกันที่ ณ วันสิ้นไตรมาสเป็นหลัก...

ปกติกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของ SET50 ซึ่งนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลจาก “นโยบายการลงทุน” ของแต่ละกองทุนอีกครั้ง เพราะบางกองทุน มีการขยับขยายการลงทุนช่วงแรกเป็น ‘หุ้นขนาดกลาง-เล็ก’ ลงทุนไป ๆ มา ๆ ขยับกลายเป็น ‘หุ้นใหญ่’ หรือบางกองทุนจะขายบางหุ้นในกองทุนออก แล้วหาหุ้นใหม่ ๆ เข้ามาลงทุนแทน เป็นต้น

“ในเชิงสถิติและบุคลิกของหุ้นจะมีความเสี่ยงและโอกาสของผลตอบแทนคาดหวังที่สูงกว่ากลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ผลตอบแทนเฉลี่ยของกลุ่มย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 7.64% ต่อปี (ที่มา: บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย), ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64) สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นกลาง-เล็ก หวังผลตอบแทนสูง ๆ แต่ไม่ถนัดลงทุนด้วยตัวเอง กลุ่ม ‘กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก’ ก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว”

Thematic EP.1 _ Info. EQ MidSmall_FINAL

“กองทุนหุ้นขนาดใหญ่” (Equity Large Cap) ปัจจุบันมี 83 กอง เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ที่อยู่ในดัชนี SET50 ผลตอบแทนเฉลี่ยของกลุ่มย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 6.08% ต่อปี (ที่มา: บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย), ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64 แบ่งประเภทกองทุนตามสมาคมบริษัทจัดการลงทุน) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในหุ้นชั้นนำของประเทศในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เรียกว่า ลงทุนแล้วสบายใจ... เป็นหุ้นที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และเป็นกลุ่มหุ้นที่มีความมั่นคงสูง ถ้าเอ่ยชื่อมาแล้ว ก็ต้องรู้จักกันแน่นอน...

“ถือเป็นกลุ่มหุ้นที่ขึ้นเป็นผู้นำของแต่ละอุตสาหกรรม ในแง่การเติบโตอาจไม่เท่าหุ้นกลาง-เล็ก แต่ต้องไม่ลืมว่า...นี่ก็เป็นหุ้นเป้าหมายของ ‘นักลงทุนต่างชาติ’ เช่นกัน ถ้าเงินลงทุนต่างชาติมีความผันผวน ก็จะกระทบกับหุ้นขนาดใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้ามองยาว ๆ ลงทุนไปไม่มีเสียหาย... เพราะเป็นหุ้นชั้นนำของประเทศทั้งนั้น

Thematic EP.1 _ Info. EQ Large Cap_FINAL

“กองทุนหุ้นทั่วไป” (Equity General) ปัจจุบันมี 342 กอง ถือเป็นกลุ่มกองทุนหุ้นไทยที่ บลจ.มีการนำเสนอออกมามากที่สุดเพราะมีความยืดหยุ่นของนโยบายการลงทุนสูง สามารถลงทุนหุ้นได้ทุกประเภท ทุกขนาด ทุกตลาด ‘ไม่มีข้อจำกัด’ ทำให้มีโอกาสในการเลือกหุ้นที่หลากหลาย ผลตอบแทนของกลุ่มเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 5.95% ต่อปี (ที่มา: บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย), ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.64)

Thematic EP.1 _ Info. EQ General_FINAL

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว กองทุนรวมหุ้นไทยยังมีกลุ่ม “กองทุนดัชนี SET 50” ที่เป็น กองทุนรวมดัชนี (Index Fund)’ หรือ ‘กองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund: ETF)’ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนใกล้เคียงกับอัตราผลตอบแทนของดัชนี SET50 มากที่สุด เน้นบริหารแบบเชิงรับ (Passive Management) ที่สร้างผลตอบแทนเกาะไปกับดัชนีเทียบวัด เป็นกองทุนประเภทหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับมือใหม่ เนื่องจากเข้าใจง่ายและค่าธรรมเนียมต่ำ

รวมทั้งกลุ่ม “กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม (Sector Fund)” ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มุ่งลงทุนเฉพาะเจาะจงในหมวดอุตสาหกรรมเพียงบางหมวด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า  80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ซึ่งจะลงทุนเฉพาะกลุ่มธุรกิจใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เช่น กลุ่มพลังงาน, กลุ่มสุขภาพ, กลุ่มธนาคาร หรือ กลุ่มสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งกองทุนประเภทนี้ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็มีเช่นเดียวกัน

“กองทุนอุตสาหกรรมนี้ จะมีระดับความเสี่ยงที่สูงกว่า ‘กองทุนหุ้น’ ปกติ เพราะมีการลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเพียงอุตสาหกรรมเดียวเป็นสัดส่วนสูงมากนั่นเอง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจการลงทุนในหุ้นดีและสามารถรับความเสี่ยงได้สูง”

จากข้อมูลกองทุนหุ้นไทยทั้ง 3 ประเภท รวมถึงกองทุนดัชนี SET 50 และกองทุน Sector Fund เราจะเห็นว่ากองทุนหุ้นไทยจริง ๆ แล้วมีอยู่หลากหลายให้เลือกลงทุน และมีวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุนใน “กองทุนรวม” ไม่ต่างจากไปลงทุนด้วยตัวเอง คือเรื่องของ “ผลตอบแทน” ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมนั้นจะส่งถึงมือผู้ลงทุนใน 2 รูปแบบเท่านั้น ‘กองทุนหุ้นไทย’ ก็เช่นเดียวกัน ได้แก่

  • ‘กำไรจากการขายหน่วย (Capital Gain)’ นั่นคือ ผลกำไรที่เกิดจากการขายหน่วยลงทุนในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อหน่วยลงทุนมา โดยกำไรที่ได้ในส่วนนี้ ‘ไม่เสียภาษี’ แต่ประการใด
  • ‘เงินปันผล’ โดยกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลจะนำผลตอบแทนจากการลงทุนมาจ่ายคืนผู้ลงทุนในรูปของ ‘เงินปันผล’ ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดออกมาใช้ระหว่างลงทุน แต่อย่าลืมว่าเงินปันผลจะต้อง ‘เสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 10%’ ด้วยนะ

ดังนั้น การเลือกกองทุน “ปันผล” หรือ “ไม่ปันผล” นั้น ขึ้นกับความต้องการกระแสเงินสดของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรอเงินก้อนโตปลายทางของการลงทุน ในขณะที่บางคนอาจจะอยากได้กระแสเงินสดระหว่างทางที่ลงทุนเพื่อความอุ่นใจ แต่ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรูปแบบไหน ‘กองทุนหุ้นไทย’ ก็ช่วยตอบโจทย์ให้นักลงทุนได้ทั้งสองแบบ

การลงทุนใน “กองทุนหุ้นไทย” นอกจากจะมีให้เลือกหลากหลายประเภท ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงและช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ตการลงทุนด้วย...วันนี้คุณมี “กองทุนหุ้นไทย” ในพอร์ตกันบ้างหรือยัง?

            - รวมไว้ให้แล้ว เปิดบัญชีกองทุนรวมง่าย ๆ ผ่านออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารตามหลัง คลิก

 

หมายเหตุ อัตราผลตอบแทนในอดีต มิได้รับประกันถึงผลตอบแทนในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง: