มุมมองการลงทุนปี 2565 ในสายตา VI

โดย อธิป กีรติพิชญ์ Facebook Fanpage : นิ้วโป้ง Fundamental VI
3 Min Read
24 ธันวาคม 2564
5.578k views
Inv_มุมมองการลงทุนปี 2565 ในสายตา VI_Thumbnail
Highlights

หลังจากที่ไทยเริ่มเปิดประเทศ และมีการกระจายและฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการกลับเข้าสู่ภาวะปกติของเศรษฐกิจไทย หลังจากในปี 2563 ที่ผ่านมา GDP ติดลบไปถึง 6% และคาดว่าสิ้นปี 2564 GDP จะเติบโตเพียง 1% ในขณะที่เศรษฐโลกกลับมาเติบโตมากกว่าที่เคยหดตัวแล้ว ด้วยการเติบโตจากฐานที่ต่ำและประเทศอื่น ๆ ฟื้นตัวไปแล้ว ปี 2565 คาดว่าจะเป็นโอกาสของเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยที่จะกลับมาสดใสอีกครั้ง แล้วมุมมองการลงทุนในปี 2565 นั้นเป็นอย่างไร มีเหตุผลใดสนับสนุนบ้าง บทความนี้มีคำตอบ

ผมมีความเชื่อว่า ปี 2565 จะเป็นปีที่หุ้นไทยควรจะกลับมาสดใส และเป็นที่สนใจของนักลงทุน!

ขอจั่วหัวแบบเลือกข้าง เพราะผมเองมีความเชื่อแบบนั้นจริง ๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

 

1. ดอกเบี้ยต่ำ สภาพคล่องล้น

ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงอยู่ในช่วงเวลาแห่งความพยายามที่จะออกจากวิกฤติ COVID-19 ซึ่งต้องใช้นโยบายการกดอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งอัดฉีดสภาพคล่องแบบที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์โลก ก็ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยต่ำ และสภาพคล่องล้นระบบ จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นมาก เราจึงได้ยินข่าว “All Time High” ของตลาดหุ้นประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

2. จาก Pre-COVID-19 สู่ All Time High

ช่วงเวลาปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา นักลงทุนคงได้เห็นแล้วว่า ตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้ว (DM : Developed Market) เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในตลาดเกิดใหม่ (EM : Emerging Market) เช่น อินเดีย และเวียดนาม สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปถึงจุดก่อนเกิดโควิด-19 (Pre-COVID-19) และสร้างจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) กันเป็นว่าเล่น ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยขณะนี้ สามารถมาถึงจุด Pre-COVID-19 ที่ 1,640 จุดโดยประมาณเท่านั้น

 

3. โควิด-19 คลี่คลาย

ในขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ค่อย ๆ ลดระดับความน่ากลัวลงเมื่อเทียบกับช่วงการระบาดหนักในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี 2564 แต่หลังจากที่อัตราการฉีดวัคซีนในประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ จำนวนการติดเชื้อใหม่เริ่มควบคุมได้ จำนวนผู้เสียชีวิตลดน้อยลง และจำนวนผู้ป่วยวิกฤติลดลง ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณการดูแลผู้ป่วย งบประมาณโรงพยาบาลสนาม และความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการปิดเมือง ได้อย่างมากมาย โอกาสที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ อาจจะออกมาหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุน และเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในปีหน้าได้อย่างชัดเจน

 

4. จุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว

ไตรมาส 3 ปี 2564 คือจุดพีคของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จุดพีคของการปิดเมืองปิดธุรกิจ และเชื่อว่าเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยจากวิกฤติครั้งนี้ และแน่นอนว่าเป็นจุดต่ำสุดในเชิงรายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน นับจากไตรมาส 4 เป็นต้นไป รายได้และกำไรจะฟื้นตัว ผู้บริหารจากทุกบริษัทไม่เพียงแต่ให้ภาพอนาคตการฟื้นตัวนับจากไตรมาส 4 เท่านั้น หลายกิจการมีการพูดถึงการขยายการลงทุน การเข้าสู่โครงการใหม่ ๆ อีกด้วย

 

5. การท่องเที่ยวจะกลับมา

การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยต้องอาศัย 2 Sector สำคัญ คือ การท่องเที่ยว และ การส่งออก เป็น “เดอะ แบก” ของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด แต่แล้วโควิด-19 ก็เข้ามาทำลายโลกพร้อม ๆ กันในช่วงต้นปี 2563 นโยบายปิดประเทศและจำกัดการเดินทางไปทั่วโลก ทำร้ายภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกมากที่สุด ทำให้เศรษฐกิจไทยถูกกระทบอย่างรุนแรง และฟื้นตัวได้ช้า ในปี 2564 เราได้เห็นการกลับมาของตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยแล้ว และในปี 2565 การท่องเที่ยวก็ควรจะทยอยกลับมาได้เช่นกัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่คาดหมายว่าจะเริ่มเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ หลังจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

 

6. ที่เคยโตช้า...จะเร็ว ที่เคยโตเร็ว...จะช้า

ปี 2564 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของตลาดที่พัฒนาแล้ว (Developed Market) ค่าเฉลี่ยการเติบโตของ GDP สามารถทำได้ในระดับ 4-7% ในขณะที่ตลาดกำลังพัฒนา (Emerging Market) ในแถบอาเซียน ต่างก็โตกันต่ำในระดับ 1-3% เนื่องจากโดนผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนัก สะท้อนมาที่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นที่ต่างกันมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา และในปี 2565 เชื่อว่าประเทศที่เคยโตต่ำ ควรจะกลับมาโตได้สูง และควรจะสะท้อนมาที่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นด้วย โดยเฉพาะในตลาดหุ้นอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย

Inv_มุมมองการลงทุนปี 2565 ในสายตา VI_01
7. โอกาสการลงทุนอยู่ที่กลุ่มไหน ?

หุ้นไทยที่มีโอกาสเติบโตแบบ “ก้าวยาว ๆ” ได้ในปี 2565 มีหลากหลายรูปแบบ เช่น

- การฟื้นตัวจากการ “เปิดเมือง” ผู้คนกลับมาเดินทาง ขึ้นทางด่วน ขึ้นรถไฟฟ้า เดินห้าง ดูหนัง ทานอาหารที่ร้าน ป้ายโฆษณานอกบ้าน รวมทั้งกลับมาท่องเที่ยวเมืองไทยกันอีกครั้งในช่วง High Season ปลายปี ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจจำนวนมาก

- การฟื้นตัวจากรอบธุรกิจที่เคยตกต่ำ กลับมาสู่ภาวะปกติ
กิจการสถานีบริการน้ำมันที่เคยถูกผลกระทบจากน้ำมันแพงทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อค่าการตลาดและปริมาณการขาย เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกผ่านรอบราคาที่สูงกระทั่งปรับลดลงมา จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มนี้ ในขณะที่รอบราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ เช่น เหล็ก ระวางเรือ ยางพารา ถ่านหิน ฯลฯ มีโอกาสผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น การอ่านรอบธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ

- การฟื้นตัวจากการ “เปิดประเทศ”
หลายกิจการมีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น สนามบิน สายการบิน โรงแรม สปา หรือแม้แต่หุ้นบางตัวในกลุ่มสื่อสารและการแพทย์ ที่มีสัดส่วนรายได้จากชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย ซึ่งอาจรวมไปถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนการขายให้ชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน กลุ่มเหล่านี้จะทยอยรับรู้รายได้ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามา

 

ผมยังมีความเชื่อว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งโอกาสของธุรกิจไทยในการฟื้นตัวแบบ “ก้าวยาว ๆ” และในเชิงนักลงทุน เรามีหน้าที่มองหากิจการที่อยู่ในสถานะที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

 

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจ เรียนรู้แนวทางการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อการลงทุนรายกลุ่มอุตสาหกรรม ตลอดจนเทคนิคในการปรับกลยุทธ์เปลี่ยนกลุ่มลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนตามวงจรเศรษฐกิจ การเติบโตของกลุ่มธุรกิจ หรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทนั้น ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการและสามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning หลักสูตร Sector Rotation” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: