วัย 40 พิชิตเงิน 4 ล้านบาท ด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปี ก็เข้าสู่วัยกลางคนอย่างเต็มตัว หลายคนมีครอบครัว พร้อม ๆ กับมีสินทรัพย์ทั้งที่เป็นของตัวเองและกำลังผ่อน เช่น รถยนต์ บ้าน คอนโดมิเนียม ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่การงานมั่นคง มีเงินออมและเงินลงทุน

ถ้าเอ่ยถึงช่องทางการออมเงินที่คุ้นเคยและสำคัญที่สุดของมนุษย์เงินเดือน นั่นก็คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะนอกจากเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้างแล้วก็ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเริ่มสะสมเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มทำงาน เมื่อถึงวันเกษียณตอนอายุ 60 ปี ก็จะมีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณ

อย่างไรก็ตาม สมมติว่าถ้าเริ่มสะสมเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตอนอายุ 40 ปี ยังมีโอกาสที่จะมีเงินเหลือใช้เพียงพอหลังเกษียณหรือไม่ คำตอบคือ มีโอกาสแน่นอน เพราะอย่าลืมว่ายังเหลือเวลาเก็บออมอีกราว 20 ปีจนถึงวันเกษียณ ซึ่งมีสิทธิเห็นเงินล้านได้ไม่ยาก

จากตาราง แสดงตัวอย่างพนักงานอายุ 40 ปี เงินเดือน 60,000 บาท และเงินเดือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% โดยพนักงานจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดือนละ 5% ขณะที่นายจ้างจ่ายเงินสมทบให้อีก 5% ต่อเดือน และสมมติว่าจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี เมื่อถึงวันเกษียณตอนอายุ 60 ปี พนักงานจะมีเงินทั้งสิ้น 3,450,523 บาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ดังนั้น หากต้องการเงิน 4 ล้านบาทในวันเกษียณ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ วิธีการก็คือ หักเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้นเป็น 10% ต่อเดือนตั้งแต่อายุ 40 ปี ซึ่งนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบให้อีก 5% ต่อเดือน (ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับอัตราที่กำหนดในข้อบังคับของกองทุนของแต่ละนายจ้าง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 2% แต่ไม่เกิน 15% ของเงินค่าจ้าง) โดยสมมติว่าได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี เมื่ออายุครบ 60 จะมีเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 5,175,785 บาท

และรู้หรือไม่ว่า ในกรณีที่หากเริ่มต้นหักเงินสะสม 10% ต่อเดือนตั้งแต่อายุ 40 ปี และนายจ้างจ่ายเงินสมทบให้อีก 10% ต่อเดือน โดยสมมติว่าได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี เมื่ออายุครบ 60 จะมีเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 6,901,046 บาท

เทคนิคพิชิตเงินล้านของคนวัย 40 ปี

1. เลือกอัตราเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพสูงสุดที่สามารถเลือกได้ เช่น ถ้ามีอัตราเงินสะสมให้เลือก 3% 5% และ 10% ควรเลือกเงินสะสมที่อัตรา 10% เพราะจะช่วยให้ถึงเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น อีกทั้งยิ่งเงินสะสมเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เพราะจำนวนเงินสะสมที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนำไปลงทุนให้จะก้อนใหญ่ขึ้น จึงทำให้มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นตามไปด้วย
2. เลือกนโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางขึ้นไป เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วย เช่น มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณ 40% อีก 60% อยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้
3. ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน (Portfolio Rebalancing) หรือปรับสัดส่วนของสินทรัพย์ เพื่อควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกนโยบายการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว ควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอด้วยว่าสัดส่วนการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนเมื่อเวลาผ่านไป แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลการลงทุนก็สามารถเลือกนโยบายการลงทุนที่มีลักษณะการจัดสรรเงินลงทุนตามช่วงอายุ (Target Date) หรือที่เรียกว่า Life Path ซึ่งมีการจัดสรรเงินลงทุนระยะยาวเพื่อให้มีเงินเพียงพอไว้ใช้หลังเกษียณ

มาถึงจุดนี้ ถึงแม้มนุษย์เงินเดือนจะอายุ 40 ปี แต่เพิ่งเริ่มต้นสะสมเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังมีโอกาสได้เห็นเงินล้านตอนวันเกษียณ ขอเพียงมีวินัยและเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันก็ติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิดและเลือกนโยบายการลงทุนให้เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ ถ้าทำได้รับรองมีเงินใช้อย่างเพียงพอไปตลอดชีวิต

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้แล้ว หลายคนคงอยากจะเริ่มต้นวางแผนออมเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อสร้างเงินออมก้อนโตไว้ใช้ยามเกษียณ ลองมาสำรวจเงินออมก้อนนี้กันดีกว่าว่า จะช่วยสร้างสุขในวัยเกษียณได้มากน้อยเพียงใดและเพียงพอหรือไม่ ด้วยโปรแกรม “วางแผนเงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มต้นวางแผนเกษียณ พร้อมทั้งเรียนรู้เทคนิคการเพิ่มเงินออม และวิธีการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวเพื่อเป้าหมายเกษียณ สไตล์มนุษย์เงินเดือน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “วางแผนเกษียณ สไตล์มนุษย์เงินเดือน” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน