ต้องยอมรับว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนผ่านกองทุนรวมได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากเป็นช่องทางการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว กองทุนรวมถือเป็น “เครื่องมือ” อันหนึ่งของการกระจายพอร์ตการลงทุนและเป็นช่องทางการแสวงหาโอกาสของการลงทุนที่นอกเหนือจากหุ้นสามัญของไทย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กองทุนรวมถือเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าหุ้นสามัญไทย ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) หลาย ๆ แห่งทยอยออกกองทุนรวมลักษณะ Fund of Fund ออกมาอย่างมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทางเลือกที่หลากหลายกลับกลายเป็นการสร้าง “Pain Point” ให้กับนักลงทุน Pain Point ข้อแรก คือ นักลงทุนรู้สึกว่า “ยาก” และไม่รู้ว่าจะต้องคัดเลือกกองทุนอย่างไร เลยลงทุนตามคำแนะนำของผู้แนะนำการลงทุน กองทุนรวมเค้าว่าดีอย่างไรก็ซื้อตาม ๆ กันไป โดยไม่รู้ถึงที่มาที่ไป ท้ายที่สุดการลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้
จุดเริ่มต้นของการคัดกรองกองทุนรวมในความคิดเห็นของเบน คือ การวิเคราะห์แบบ Top Down Analysis เพราะจะช่วยให้เราสามารถกำหนดธีมการลงทุนได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกองทุนรวมหุ้นรายประเทศหรือกลุ่มประเทศ ระหว่างตลาดพัฒนาแล้ว (Developing Market : DM) และตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market : EM) หรือจะเป็นธีมการลงทุนอย่าง Robotic / FinTech / ESG เป็นต้น โดยที่ให้ผู้จัดการกองทุนรวมเป็นผู้ทำหน้าที่คัดกรองหุ้นเข้ากองทุนรวมเอง เราเพียงแต่เลือกว่าจะลงทุนในธีมการลงทุนอย่างไร Top-Down Analysis จึงเป็นตัวกำหนดกรอบการคัดเลือกประเภทของกองทุนรวมก่อนในขั้นตอนแรก
ก่อนที่เราจะไปคุยกันในแนวคิดการกำหนดเงื่อนไขคัดกรองกองทุนรวม เรามาทำความเข้าใจกับ “ช่องทางการหาข้อมูลกองทุนรวมเพื่อคัดกรองกองทุนรวมกันก่อน” ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีหลากหลาย Platform ทั้งที่เสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยช่องทางที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายจะขอพูดถึงเว็บไซต์ www.settrade.com ที่นอกเหนือจะหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นไทยได้แล้ว ยังสามารถหาข้อมูล “กองทุนรวม” ที่ทาง Settrade ได้รวบรวมมาไว้ในที่เดียวและเปิดให้นักลงทุนสามารถเข้าไปคัดเลือกกองทุนรวมที่มีอยู่ในประเทศไทยได้อีกด้วย
เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์ของ Settrade แล้ว กดไปที่เมนู “กองทุนรวม” ในกรอบสีแดงดังภาพข้างล่างนี้ จะมีเมนูย่อย 4 หัวข้อ ให้เลือกไปที่ “คัดกรองกองทุน”
และเมื่อกดเข้าไปในหัวข้อ “คัดกรองกองทุนรวม” เราสามารถเริ่มต้นคัดกรองกองทุนรวมได้ด้วยการกำหนดเงื่อนไขตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น...
จากนั้นกด “ค้นหา” เพียงแค่นี้... เราก็จะได้กองทุนรวมที่ผ่านเงื่อนไขตามที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถดูได้ทั้งข้อมูลที่เป็นภาพรวม ข้อมูลผลการดำเนินงาน รวมไปถึงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองทุน
เมื่อเรารู้จัก Platform ที่สามารถคัดกรองกองทุนรวมได้แล้ว ลองมาดูแนวคิดการวิเคราะห์ Top-Down Analysis กันบ้างว่าเราจะได้อะไรจากแต่ละชั้นของแนวคิดนี้
ขั้นตอน Global Economy เราสามารถนำความสนใจของเราไปคัดกรองกองทุนรวมระหว่างกองทุนรวมที่มุ่งเน้นตลาดหุ้น DM และกองทุนรวมที่มุ่งเน้นตลาดหุ้น EM พร้อมกับสามารถแยกการคัดกรองระหว่างกองทุนรวมหุ้น และกองทุนรวมตราสารหนี้ในแต่ละกลุ่มประเทศได้อีกเช่นกัน
กรณีตัวอย่าง : ปี 2565 อัตราเงินเฟ้อได้เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางหลักทั่วโลกต่างเร่งปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเป็นแบบเข้มงวด ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อสูง สิ่งที่ตามมา คือ ดอกเบี้ยสูง ผลตอบแทนตราสารหนี้ขยับขึ้น กดดันให้ราคาตราสารหนี้ปรับฐานลง ดังนั้น ในภาวการณ์ลงทุนเช่นนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้อาจไม่ใช่ทางเลือกที่น่าสนใจ ในที่นี้เราจะลองยกตัวอย่างการคัดกรองกองทุนรวมตราสารหนี้โลก ระยะกลาง กำหนดผลตอบแทนมากกว่า 5% กรอบเวลา 5 ปี
พบว่า... ไม่มีกองทุนรวมตราสารหนี้โลกแบบป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
แต่หากเราเปลี่ยนเกณฑ์การคัดกรองจากผลตอบแทนมากกว่า 5% ในช่วง 5 ปี เป็นผลตอบแทนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5% ในช่วง 5 ปี จะพบว่ามีกองทุนรวม 8 กองทุนรวมที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว
จากตารางข้างต้นจะพบว่า... ผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารหนี้โลก ระยะกลาง ให้ผลตอบแทนที่ไม่น่าสนใจ ทั้งในช่วงก่อนและหลังวิกฤติโควิด-19
ขณะที่กองทุนรวมหุ้นนั้น เราต้องกลับไปพิจารณาโครงสร้างเศรษฐกิจ / นโยบายการเงินและการคลังว่าจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงมาแรงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 (1H65) สะท้อนความเสี่ยงดอกเบี้ยขาขึ้น หรือเศรษฐกิจถดถอยไปมากเพียงใด สะท้อนกลับมายัง Valuation ของตลาดหุ้นในแต่ละกลุ่ม เพื่อคัดกรองกองทุนรวมที่น่าสนใจในธีมการลงทุน
หากเรากำหนดผลตอบแทนมากกว่า 10% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในกลุ่มกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศเฉพาะ Global Equity พบว่ามีเพียงกองทุนรวม B-INNOTECH ของ บลจ.บัวหลวงเท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเราสามารถกดเข้าไปดู Fund Fact Sheet ของกองทุนรวมนี้ได้
แนวทางการคัดกรองกองทุนรวมหุ้นจีน สามารถแบ่งออกเป็น AShares / All China Shares / หุ้นเทคฯ จีน หรือรูปแบบการลงทุนแบบ Index Fund vs Active Fund
จากตัวอย่างข้างต้น กำหนดเงื่อนไขผลตอบแทนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนตามเกณฑ์กว่า 25 กองทุนรวม ขั้นตอนต่อไป เราสามารถเลือกเฉพาะกองทุนรวมที่เราสนใจมาเปรียบเทียบระหว่างกันได้ด้วยการเลือกหน้าชื่อกองทุนรวม กรณีนี้เราเลือกเฉพาะกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 5% ในช่วง 5 ปี พบว่ามี 4 กองทุนรวม
เมื่อเรากด “เปรียบเทียบ”
เราสามารถเลือกหัวข้อของการเปรียบเทียบระหว่างกองทุนรวมที่เราเลือก ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทน ข้อมูลกองทุน สินทรัพย์ที่ลงทุน หรือค่าธรรมเนียม เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของผลตอบแทนที่กองทุนรวมทั้ง 4 กองทุน เช่น ในหน้าของข้อมูลกองทุนเป็นการแสดงข้อมูลที่สำคัญแบบ “ย่อ” ซึ่งจะช่วยเราลดระยะเวลาในการทำความเข้าใจแต่ละกองทุนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงของกองทุนรวมที่เราสนใจอยู่
จะพบว่า... ด้วยเงื่อนไขที่เรากำหนดจากผลตอบแทนในช่วง 5 ปี น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10% จะมีกองทุนรวมที่เข้าข่ายเงื่อนไขดังกล่าว 21 กองทุนรวมด้วยกัน แต่หากเราต้องการคัดกรองเฉพาะกองทุนรวมที่ลดหย่อนภาษีอย่าง RMF เท่านั้น ด้วยเงื่อนไขเดียวกันเราจะได้ 8 กองทุนรวม
มาถึง ณ จุดนี้ นักลงทุนพอจะได้ไอเดียคร่าว ๆ ของแนวความคิดการคัดกรองกองทุนรวมอย่างง่ายไปทำการศึกษาและวางแผนการลงทุนของตนเองได้แล้ว ลำดับถัดไปจะขอยกตัวอย่างการคัดกรองกองทุนรวมตั้งแต่ต้นจนถึงเราได้กองทุนรวมที่น่าสนใจ เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจกระบวนการคัดกรองตั้งแต่ต้นจนจบ
กรณีตัวอย่าง : เบนมีความสนใจที่จะลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากที่ปรับฐานลงแรงกว่า 20% ในปีนี้ (1H65) โดย Valuation อยู่ในโซนที่น่าสนใจ PER22-23F ของ Bloomberg Consensus ต่ำกว่า 20x น่าจะสะท้อนความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อสูง การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ณ สิ้นปีนี้ เฟดประเมินไว้ที่ 3.40% จาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ที่ 2.00% รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้าไปพอสมควรแล้ว ดังจะเห็นได้จาก Fear & Greed Index จัดทำโดย CNN Money ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 26 จุด เป็นระดับ Fear เมื่อเทียบกับ 1 เดือนก่อนหน้า ระดับดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ 17 จุด ซึ่งอยู่ในกรอบของ Extreme Fear (ทั้งนี้ หากท่านผู้อ่านหรือนักลงทุนสนใจใน Fear & Greed Index สามารถเข้าไปที่ www.cnn.com/markets/fear-and-greed เพื่อดูรายละเอียด)
แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะถดถอยในปี 2566 ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบเริ่มปรับฐานลง ล่าสุด ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ US$95/barrel WTI อาจทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อผ่อนคลายลงทั่วโลก และอาจนำไปสู่การผ่อน “คันเร่ง” ในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
ด้วยประเด็นการลงทุนข้างต้น ทำให้เลือกที่จะลงทุนในกองทุนรวมหุ้นสหรัฐฯ โดยกำหนดเงื่อนไขการคัดกรองดังนี้
นอกจากนี้ เราสามารถเข้าไปดูใน Fund Fact Sheet ของทั้ง 2 กองทุนว่า Master Fund ของทั้ง 2 กองทุนลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 5 อันดับแรกเป็นบริษัทอะไรบ้าง
ข้อมูลหน้าที่ 6 จะแสดงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ๆ และหุ้นสหรัฐฯ ที่ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก
เทียบกับ TMBUSBLUECHIP ในหนังสือชี้ชวนลงรายละเอียดเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมเท่านั้น โดย Master Fund ลงทุนในกลุ่ม IT สูงสุด 43.70% เทียบกับ KFUS-A ที่ลงทุน 36.40%
ข้อมูลการลงทุนของ Master Fund ทั้ง 2 กองทุนพบว่า... นโยบายการลงทุนมีความแตกต่างกัน โดย KFUS-A มีการกระจายไปหลากหลายอุตสาหกรรมมากกว่า TMBUSBLUECHIP
จากกรณีตัวอย่างนี้ นักลงทุนอาจต้องประเมินแนวทางการลงทุนของตนเองว่า... ยอมรับความผันผวนของ NAV กองทุนรวมได้มากน้อยเพียงใด หากรับความผันผวนได้สูง และเข้าใจแนวคิดการลงทุนในหุ้นเติบโต พร้อมกับค่าบริหารจัดการที่ต่ำกว่า KFUS-A น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า TMBUSBLUECHIP แต่หากท่านใดรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับที่สมเหตุสมผล ไม่เหวี่ยงในกรอบที่สูงเกินไป ชอบลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ และผลตอบแทนช่วง 3-5 ปีค่อนข้างมีเสถียรภาพแล้ว TMBUSBLUECHIP น่าจะเป็นคำตอบ แม้ว่าค่าบริหารจัดการจะสูงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้หักไปใน NAV ที่สะท้อนกลับมาเป็นผลตอบแทนในแต่ละช่วงเวลาแล้วเช่นกัน
บทสรุป : การคัดกรองกองทุนรวมที่ดี คือ เราต้องเข้าใจภาพรวม และแนวโน้มของเศรษฐกิจมหภาค เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกประเภทของกองทุนรวมว่าในภาวะนั้น ๆ เราควรเลือกประเภทกองทุนรวมอะไร แล้วจึงเริ่มคัดกรองกองทุนรวมตามขั้นตอนที่กล่าวมาแล้ว และก่อนการตัดสินใจลงทุน เราต้องประเมินว่ากองทุนที่เลือกมาได้แล้วนั้นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของเราเองได้มากน้อยแค่ไหน เบนเชื่อว่าการคัดกรองกองทุนจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการพอร์ตในภาพรวมดีขึ้น พร้อมกับการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตได้เช่นกัน ซึ่งแนวทางนี้สามารถนำไปใช้กับการวางแผนการลงทุนในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หลาย ๆ บริษัทเปิดให้พนักงานของตนเองกำหนดแนวทางการลงทุนเอง (D.I.Y) รวมถึงกองทุนที่ใช้ลดหย่อนภาษีอย่าง RMF และ SSF ในปัจจุบัน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว เราสามารถเกษียณอย่างมีความสุขได้ด้วยเงินลงทุนผ่านกองทุนรวม
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวม แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้การลงทุนในกองทุนรวมแบบเจาะลึกผ่าน e-Learning หลักสูตร “กองทุนรวม The Series” ได้ฟรี!!! คลิกที่นี่
หมายเหตุ : รายชื่อกองทุนที่ปรากฎอยู่ในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับศึกษาแนวทางในการคัดกรองกองทุนรวมผ่านเว็บไซต์ Settrade เท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน