ช่วงนี้พอร์ตการลงทุนแทบจะคลุมโทนสีแดงอยู่ตลอดเลย ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น กองทุน หรือแม้กระทั่งสินทรัพย์ที่ร้อนแรงอย่างคริปโทเคอร์เรนซี จนนักลงทุนหลายคนเริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ และเริ่มเกิดความกังวล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใครที่ลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงรูปแบบเดียว แม้จะให้ผลตอบแทนดีในอดีต แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งทำให้มีความผันผวนที่ค่อนข้างสูง และยิ่งทำให้เรามีความกังวลมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
ดังนั้น การที่เราจะลงทุนในรูปแบบเดิม อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว เพราะมีความเสี่ยงที่เงินต้นของเราจะสูญหาย ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมองหาช่องทางอื่นในการลงทุน หรือ “กระจายการลงทุน” เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้มีความหลากหลาย และไม่ให้กระจุกตัวจนเกินไป
คำถามคือ - แล้วจะกระจายการลงทุนไปในทิศทางไหนดี ?
เรามีตัวอย่างและวิธีการจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงมาฝากกัน
พอร์ตการลงทุน 1 พอร์ต สามารถมีทรัพย์สินได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
🔸 เงินฝาก >> เพื่อสามารถถอนออกมาได้ง่าย และเป็นเงินสดสำรองเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้
🔸 พันธบัตรรัฐบาล >> มีความปลอดภัยสูง แต่ยังคงได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก
🔸 กองทุนรวม >> ช่วยกระจายความเสี่ยงไปตามสินทรัพย์ที่กองนั้น ๆ ลงทุน และตามธีมอุตสาหกรรมต่าง ๆ พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้
🔸 หุ้น >> ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET มีจำนวนหุ้นมากถึง 853 ตัว และยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ให้เราสามารถเลือกลงทุน ให้ตอบโจทย์กับธุรกิจที่เราสนใจ หรือเลือกลงทุนในธุรกิจใกล้ ๆ ตัว เราจะยังได้เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจที่เราชื่นชอบต่อการลงทุนด้วย พร้อมกับการมีสิทธิ์มีเสียง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากทั้งเงินปันผล (หากบริษัทที่เราลงทุนมีกำไร) และราคาหุ้นที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
คำถามถัดมา - แล้วเราควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี ?
หลักการเบื้องต้นที่นิยมใช้กันก็คือ การจัดพอร์ตการลงทุนตามช่วงวัย
โดยที่สัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงที่ควรมีในพอร์ต ควรจะเท่ากับ >> 100 - อายุ
ตัวอย่างเช่น
หากเรามีอายุ 20 ปี
สัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงที่ควรมีในพอร์ต จะเท่ากับ 100 - 20 = 80% หมายความว่า
คุณสามารถลงทุนในหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงได้ในสัดส่วนที่มากถึง 80%
หรือกรณี ที่เรามีอายุมากขึ้น เช่น อายุ 40 ปี
สัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงที่ควรมีในพอร์ต
จะเท่ากับ 100 - 40 = 60% หมายความว่า เราสามารถลงทุนในหุ้นได้ในสัดส่วนที่ 60%
จะเห็นได้ว่า ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร สัดส่วน % สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงก็จะน้อยลง
ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความเสี่ยงลดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนหายไป
📌 จัดพอร์ตให้ดี กระจายการลงทุนให้เหมาะสม เพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเวลานี้