ปัจจุบันโลกของการลงทุนเปิดกว้างขึ้นมาก มีทางเลือกการลงทุนในสินทรัพย์มากมายที่ไม่ได้จำกัดแค่หุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ ทองคำ หรืออสังหริมทรัพย์ ล่าสุดคือ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน
สินทรัพย์ดิจิทัล คือ หน่วยอิเล็กทรอนิกส์ที่แสดงมูลค่าเหมือนสินทรัพย์ทั่วไป ถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ จึงจับต้องไม่ได้ด้วยมือเปล่า แต่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนความเป็นเจ้าของได้ โดยใจความสำคัญ คือ เป็นการแลกเปลี่ยนแบบไม่ต้องผ่านตัวกลาง (Decentralized Finance: DeFi) แลกเปลี่ยนกันผ่านโลกออนไลน์ที่ทำงานผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) แตกต่างกับสิ่งที่คุ้นเคยกันอย่างเงินสดหรือเงินฝากที่มีตัวกลาง (Centralized Finance) เป็นธนาคารหรือสถาบันการเงิน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ แบบไม่มีวันหยุด
สินทรัพย์ดิจิทัล แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
แม้ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะสร้างโอกาสมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่นักลงทุนควรพิจารณาก่อนลงทุน เช่น นักลงทุนจะต้องทำการเปิดบัญชีใหม่กับผู้ให้บริการด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะไม่สามารถใช้บัญชีร่วมกับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วไปได้ หรือการที่สินทรัพย์ดิจิทัลไม่มีศูนย์กลาง กล่าวคือ ไม่ได้ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ อาจทำให้การควบคุมดูแลโดยทางการหรือภาครัฐอาจไม่ทั่วถึงเท่ากับสินทรัพย์อย่างหุ้น ETF หรือ DR ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้ง ในด้านของสภาพคล่องก็ถูกสร้างโดยผู้ให้บริการนั้น ๆ เท่านั้น
ด้วยข้อจำกัดข้างต้น ส่งผลให้ธนาคารกลางในหลายประเทศมีนโยบายสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง เช่น Central Bank Digital Currency (CBDC) ของสหรัฐอเมริกา หรือ Digital Yuan (e-RMB) ของจีน สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีนโยบายออกสกุลเงินดิจิทัลโดยใช้ชื่อว่า CBDC เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนได้เข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากขึ้น โดย CBDC แบ่งการทำธุรกรรมหลักออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ การทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) ซึ่งได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2561 และการทำธุรกรรมสำหรับรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (Retail CBDC) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวในวงจำกัด ภายในไตรมาส 4 ปี 2565
เมื่อทราบถึงรายละเอียดและคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว หากนักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านตลาดหุ้น ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้อยกว่าดังเหตุผลที่ได้กล่าวไป สามารถเลือกลงทุนได้ผ่าน ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดังตัวอย่างต่อไปนี้
หรืออีกทางเลือกหนึ่ง นักลงทุนสามารถลงทุนใน DR NDX01 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งอ้างอิงดัชนี Nasdaq 100 ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน เช่น Tesla ที่มีสัดส่วนการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี หรือ PayPal ที่มีธุรกิจให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลและมีการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain เป็นต้น
โดยสรุป การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความน่าสนใจแต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงมาก ซึ่งต่างจากหุ้นหรือ ETF ที่ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์และมีประวัติดำเนินการมายาวนาน เช่น ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา มีอายุมากกว่า 200 ปี หรือตลาดหุ้นไทยก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 48 ขณะที่ผู้ให้บริการด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีอายุเพียง 5 ปี ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
หากสนใจลงทุน สามารถติดต่อสอบถามตัวกลางในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) หรือผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) โดยนักลงทุนสามารถตรวจเช็ครายชื่อผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตได้ >> คลิกที่นี่