4 Step เลือกลงทุนหุ้นเติบโต

โดย เจษฎา เจริญสันติพงศ์ Assistant Manager Branch Banking Client Marketing บลจ.ธนชาต
2 Min Read
6 กรกฎาคม 2565
7.375k views
Inv_4 Step เลือกลงทุนหุ้นเติบโต_Thumbnail
Highlights

หุ้นเติบโต ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจที่กำลังขยายกิจการ ใช้เงินลงทุนในแต่ละปีค่อนข้างสูง และเงินลงทุนมักจะเป็นเงินที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งตามทฤษฎีแล้วยอดขายและกำไรของบริษัทเหล่านี้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อได้กำไรก็จะนำไปลงทุนหรือขยายธุรกิจต่อไป ดังนั้น ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจะเป็นตัวผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย

หากถามว่าในพอร์ตลงทุนมีหุ้นประเภทใดบ้าง เชื่อว่า “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) เป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมประเภทหนึ่ง เพราะหากมีอยู่ในพอร์ตด้วยจำนวนที่เหมาะสมและเป็นหุ้นที่ดีจะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุนได้

 

การลงทุนในหุ้นเติบโต หมายถึง การซื้อหุ้นบริษัทที่มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ ด้วยอัตราการเติบโตของยอดขายหรือรายได้ที่สูง ปีเตอร์ ลินซ์ นักลงทุนและอดีตผู้จัดการกองทุนระดับตำนาน ผู้ชื่นชอบการลงทุนหุ้นเติบโต กล่าวไว้ว่า หุ้นกลุ่มนี้ควรมีการเติบโตปีละ 20 – 25% หรือมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นอย่างก้าวกระโดด ขณะเดียวกันกิจการต้องมีคุณภาพหรือมีความแข็งแกร่ง เช่น มีแบรนด์สินค้าที่แข็งแรงเป็นที่รู้จัก มีความได้เปรียบด้านต้นทุน มีสิทธิบัตรหรือสัมปทาน รวมถึงมีทีมผู้บริหารที่มีความสามารถ และมีบรรษัทภิบาลสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว

 

นอกจากนี้ หุ้นเติบโตต้องมีแนวโน้มอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะดูว่าบริษัทใดเป็นหุ้นเติบโต คือ การประเมินมูลค่าหุ้น ด้วยการดู P/E Ratio และ P/BV Ratio ว่าอยู่ในระดับสูงและสูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือไม่

 

เนื่องจากปัจจุบัน นักลงทุนเริ่มมองหาหุ้นเติบโตที่ดีมีศักยภาพเพื่อเก็บสะสมไว้ในพอร์ตลงทุน รวมถึงคาดหวังผลตอบแทนโดยรวมว่าจะชนะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นเติบโตให้ได้ผลตอบแทนที่ดีมักต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น ควรทำความเข้าใจและถามตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน

 

1. เตรียมเงินลงทุนให้พร้อม

​เหตุผลที่ต้องเตรียมเงินลงทุนให้พร้อม เนื่องจากการลงทุนในหุ้นเติบโตอาจต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวในการลงทุน เพราะเป็นการลงทุนในช่วงที่ธุรกิจกำลังเติบโต อาจใช้เงินลงทุนที่สูง ซึ่งอาจทำให้รายได้และกำไรไม่เติบโต หรือมักซื้อขายหุ้นในช่วงที่ P/E Ratio อยู่ในระดับสูง จึงต้องใช้ความอดทนในการลงทุน เช่น 3 - 5 ปี กว่าที่ธุรกิจจะสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน

 

2. ทำความเข้าใจการเติบโตของหุ้น

สิ่งสำคัญประการหนึ่งสำหรับการลงทุนหุ้นเติบโต คือ การเลือกรูปแบบให้เหมาะกับตัวเอง เช่น หากสนใจหุ้นเติบโตด้วยธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีประวัติการสร้างรายได้ที่ดี นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับอัตราส่วนทางการเงิน เช่น อัตรากำไรจากการดำเนินงาน ผลตอบแทนจากการลงทุน หรืออัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น

 

ในทางกลับกัน หากเน้นหุ้นเติบโตด้านยอดขาย ต้องดูว่าธุรกิจมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอหรือไม่ หรือธุรกิจไหนสร้างยอดขายด้วยการไปซื้อธุรกิจอื่น ๆ แต่การมองหาธุรกิจแบบนี้อาจมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นเติบโตด้วยธุรกิจขนาดใหญ่  

 

3. สัดส่วนการลงทุน

​นักลงทุนมือใหม่ อาจเริ่มต้นด้วยการแบ่งเงินลงทุนไปลงทุนในหุ้นเติบโตเพียงเล็กน้อย เช่น 10% ของมูลค่าพอร์ตลงทุนโดยรวม และเมื่อรับความผันผวนจากการลงทุนในหุ้นเติบโตได้สูงขึ้น หรือหุ้นเติบโตสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้น จึงค่อย ๆ เพิ่มเงินลงทุน

 

อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติของหุ้นเติบโตถือว่ามีความผันผวนมากกว่าหุ้นคุณค่าหรือหุ้นปันผล ดังนั้น วิธีหนึ่งที่จะลดความผันผวนได้ คือ มีความยืดหยุ่นในการลงทุน พูดง่าย ๆ คือ สามารถเพิ่มหรือลดจำนวนหุ้นเติบโตได้ตลอดเวลา หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง หรือมีความกังวลมากขึ้นว่าจะเกิดความเสียหายในอนาคต ถ้ารู้สึกแบบนี้ก็ต้องลดพอร์ตหุ้นเติบโตลง

 

4. ติดตามอย่างใกล้ชิด

จากการที่หุ้นเติบโตต้องใช้เวลาในการลงทุนกว่าจะเห็นผลตอบแทน จึงมีความเป็นไปได้ว่าในช่วงที่ถือหุ้นอยู่อาจมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระทบและทำให้ราคาหุ้นผันผวน ดังนั้น ควรจับตาดูการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และปรับกลยุทธ์ถ้าประเมินแล้วว่าอาจสร้างความเสียหายให้กับพอร์ตลงทุน เช่น

 

  1. หากราคาหุ้นเติบโตปรับขึ้นอย่างรวดเร็วจนส่งผลให้สัดส่วนน้ำหนักของพอร์ตลงทุนโดยรวมเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ควรขายหุ้นออกเพื่อทำให้พอร์ตลงทุนมีความสมดุลเหมือนเดิม
  2. หากประเมินว่าธุรกิจของหุ้นเติบโตที่ลงทุนไว้อาจมีปัญหา เช่น ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามคาด ใช้เงินลงทุนมากเกินไปจนทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนแบ่งทางการตลาดปรับลดลงต่อเนื่อง ก็ต้องขายหุ้นออก และมองหาหุ้นเติบโตตัวอื่น ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาแทน

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอยากคัดกรอง “หุ้นเติบโต” ด้วยตนเอง สามารถสมัครใช้บริการ SETSMART ได้ที่เว็บไซต์ www.setsmart.com เพียง 250 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับข้อมูลที่จะได้รับ เช่น ภาวะการซื้อขาย เทรนด์นักลงทุนต่างชาติ หรือข้อมูลหุ้น อนุพันธ์ และกองทุนรวม ครบจบในเว็บเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลย!!!

 

และสำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้วิธีประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E Ratio และ P/BV Ratio เพื่อหาราคาที่เหมาะสมในการตัดสินใจลงทุน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Stock Valuation : Relative Valuation” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน