เมื่อไหร่ควร “ขายหุ้น”

โดย SET
2 Min Read
30 พฤศจิกายน 2563
9.905k views
TSI_119_เมื่อไหร่ควร “ขายหุ้น”
Highlights
  • นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่จะเชี่ยวชาญ “ซื้อหุ้นเป็น” มากกว่า “ขายหุ้นเป็น” สังเกตได้จากเวลาซื้อหุ้น จะซื้อด้วยความมั่นใจ แต่พอถึงจังหวะที่จะต้องขาย กลับลังเล กล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมขายเสียที จนบางครั้งขายทำกำไรหรือตัดขาดทุนไม่ทัน

  • การซื้อและขายหุ้นอย่างเหมาะสมเป็นกระบวนการทำกำไรที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อย่าลืมว่า... “จุดที่ทำกำไร คือ จุดในการขาย” แต่เมื่อซื้อแล้วขายไม่เป็น โอกาสขาดทุนก็ย่อมสูงกว่าได้กำไร

ปฏิเสธไม่ได้ว่า... นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่จะเชี่ยวชาญ “ซื้อหุ้นเป็น” มากกว่า “ขายหุ้นเป็น” สังเกตได้จากเวลา “ซื้อหุ้น” จะซื้อด้วยความมั่นใจ หลังจากที่ได้ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ มาอย่างมากมาย แต่พอถึงจังหวะที่จะต้อง “ขายหุ้น” กลับลังเลและกังวล ทำให้เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจ ด้วยเหตุผล 3 ประการ

 

1. คิดที่ว่าราคาจะสามารถสูงขึ้นไปได้อีก

 

เมื่อเห็นราคาหุ้นที่ซื้อไว้กำลังปรับตัวสูงขึ้น อารมณ์และความโลภจะทำให้นักลงทุนเริ่มมองโลกในแง่ดี ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไปอย่างเนื่องตามที่เราต้องการ จึงตัดสินใจถือต่อไป แม้ว่าขายตั้งแต่ตอนนี้จะได้กำไร 10-15% แล้วก็ตาม แน่นอน... หากราคาปรับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามที่คาดไว้ก็ไม่เสียหายอะไร แต่หากวันดีคืนดี ราคาหุ้นปรับตัวลดลงรวดเร็วจากปัจจัยลบหรือปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลง จนขายไม่ทัน อาจเกิดความเสียหายเจ็บตัวหนักถึงขั้นขาดทุนเลยทีเดียว

  

2. การไม่ยอมรับความจริง (ดื้อ)

 

เมื่อหุ้นที่ซื้อมาราคาปรับตัวลดลง แต่นักลงทุนกลับตัดสินใจถือต่อโดยไม่มีจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) เพราะเชื่อว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งราคาจะปรับขึ้นมาได้ หากราคาหุ้นปรับขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาใดๆ  แต่หากไม่เป็นไปตามที่คาดคิด การปล่อยหุ้นที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลงทิ้งไว้ในพอร์ตย่อมทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ

 

3. พยายามคาดเดาตลาดเพื่อหาจังหวะขายหุ้น

 

ในโลกความเป็นจริง ไม่มีใครที่สามารถมองอนาคตได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น นักลงทุนที่ “ซื้อในราคาต่ำที่สุด แล้วขายในราคาสูงที่สุด” จึงหาได้ยากมาก แม้แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ และปีเตอร์ ลินช์ ยังยอมรับว่าไม่สามารถทำได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ ซื้อและขายในราคาที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่ในราคาที่ดีที่สุด

 

จะเห็นว่า... นอกจากการ “ซื้อหุ้นให้เป็น” นักลงทุนยังต้อง “ขายหุ้นให้เป็น” ด้วย เพราะการซื้อและขายหุ้นอย่างเหมาะสมเป็นกระบวนการทำกำไรที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อย่าลืมว่า “จุดที่ทำกำไร คือ จุดในการขาย” แต่เมื่อซื้อแล้วขายไม่เป็น โอกาสขาดทุนก็ย่อมสูงกว่าได้กำไร

 

แน่นอนว่า... การซื้อหุ้นนอกจากจะต้องซื้อในราคาเหมาะสมแล้ว ยังต้องซื้อในจังหวะที่ดีด้วย แต่กำไรจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการขายหุ้นออกไป หากยังไม่ขายหุ้น กำไรที่เห็นก็เป็นเพียงกำไรทางบัญชีเท่านั้น ดังนั้น เมื่อนักลงทุนเห็นความสำคัญของการขายแล้ว เทคนิคถัดมาที่ต้องเรียนรู้ก็คงหนีไม่พ้นการ “ขายให้ถูกที่ถูกเวลา” เพื่อทำให้ผลตอบแทนที่จะได้รับอยู่ในระดับที่พึงพอใจ

 

ลองมาดู เหตุผลดีๆ ที่ควรขายหุ้น กัน


1. ตัดสินใจหรือวิเคราะห์ผิดพลาด 

 

เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะบางครั้งเราซื้อหุ้นบนพื้นฐานของข้อมูลและการวิเคราะห์ แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงหรือการวิเคราะห์มีความผิดพลาด ไม่สะท้อนความเป็นจริงของกิจการ ก็ควร “ขายหุ้น” ถึงแม้ว่าจะขาดทุนก็ตาม ย่อมดีกว่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจแล้วเสียดายตัดสินใจถือหุ้นต่อโดยไม่ยอมรับความจริง

 

2. ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

หากเห็นว่าราคาหุ้นปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ควรวิเคราะห์ให้ละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุใด หากเกิดจากการที่นักลงทุนประเมินได้อย่างแม่นยำก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากราคาปรับขึ้นด้วยสาเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็อาจไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่สุดในการตัดสินถือต่อเพื่อหวังกำไรที่เพิ่มขึ้น

 

ดังนั้น ถ้าหุ้นขึ้นเร็วราวจรวดและแตะถึงระดับราคาที่เรามีกำไร ควรตัดใจขายออกมาก่อนส่วนหนึ่ง แล้วค่อยรอจังหวะซื้อคืนอีกครั้งก็ยังไม่สาย

 

3. ราคาหุ้น ไม่สะท้อนมูลค่าที่ประเมิน

 

ต่อให้คิดคำนวณราคาที่เหมาะสมมาเป็นอย่างดีแค่ไหน ก็ใช่ว่าราคาหุ้นจริงๆ จะขยับไปถึงจุดนั้นได้ เพราะการประเมินมูลค่าหรือการคาดการณ์ราคาเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ ให้คนร้อยคนประเมินมูลค่าหุ้นเดียวกัน ก็อาจจะได้คำตอบร้อยแบบ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนต่อหุ้นตัวนั้นๆ

 

หากเราลงทุนตามการประเมินมูลค่าที่วางแผนไว้ แต่ราคายังคงนิ่งสนิทไม่ไปไหนสักที รอมานานหลายปี ราคาก็ยังไม่ไปตามคาด เราก็ควรจะขายหุ้นทิ้งและไปซื้อหุ้นใหม่

 

TSI_Article_119_Inv_เมื่อไหร่ควร “ขายหุ้น”_01

สำหรับมือใหม่หัดลงทุนหรือใครที่ขายหุ้นไม่ค่อยทัน ไม่รู้จะตั้งจุด Stop Loss อย่างไร อยากได้ตัวช่วยเจ๋งๆ ปัจจุบัน Settrade Streaming มีฟังก์ชันที่ชื่อว่า “Settrade Conditional Order” ที่สามารถตั้งคำสั่งเพื่อ Take Profit หรือ Cut Loss ไว้ล่วงหน้า เมื่อราคาขยับไปถึงจุดที่เราที่ตั้งไว้ บอกลาปัญหานั่งเฝ้าหน้าจอไปเลย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: