หากอยากลงทุนในตราสารหนี้... “กองทุนรวมตราสารหนี้” เป็นทางเลือกที่เหมาะกับนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มาก อีกทั้งยังสามารถเลือกเงื่อนไขในการขายคืนหรือจะถือจนครบกำหนดอายุก็ได้ ทำให้สะดวกต่อการบริหารเงิน รวมถึงมีความสะดวกในเรื่องสภาพคล่องและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
แล้วถ้าสนใจลงทุนตราสารหนี้โดยตรงด้วยตนเองล่ะ ทำได้หรือไม่?
คำตอบคือ ได้ แต่นักลงทุนอาจต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และเรื่องหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน คือ “เทคนิคการจัดพอร์ตตราสารหนี้” เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ตัดสินใจลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบ
จัดพอร์ตแบบขั้นบันได... ลงทุนในตราสารหนี้หลายๆ รุ่นที่มีอายุคงเหลือแตกต่างกัน
กลยุทธ์การลงทุนแบบขั้นบันได (Ladder) ใช้หลักการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายๆ รุ่นที่มีอายุคงเหลือในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป เพราะความเสี่ยงสำคัญประการหนึ่งของตราสารหนี้ คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ มูลค่าตราสารหนี้จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้จะลดลง ในทางกลับกันเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง มูลค่าของตราสารหนี้จะสูงขึ้น
ดังนั้น หากนักลงทุนเลือกจัดพอร์ตตราสารหนี้แบบขั้นบันได ด้วยการกระจายการลงทุนตราสารหนี้หลายๆ รุ่น ที่มีอายุคงเหลือในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น 1 ปี 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี จะทำให้ลดความเสี่ยงจากการลดลงของราคาเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง และเมื่อเวลาผ่านไปตราสารหนี้ก็จะมีอายุที่ลดลง ตราสารหนี้ระยะสั้นจะหมดอายุลงไปเรื่อยๆ นักลงทุนก็สามารถนำเงินดังกล่าวมาลงทุนในตราสารหนี้อายุยาว เพื่อเป็นการรักษาพอร์ตการลงทุนให้มีลักษณะแบบขั้นบันไดต่อไป
จัดพอร์ตแบบบาร์เบล... ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะยาว
บาร์เบล (Barbell) คือ ที่ยกน้ำหนักที่เป็นด้ามเหล็กและมีตุ้มน้ำหนักถ่วงทั้ง 2 ข้างของแกน การจัดพอร์ตตราสารหนี้แบบ Barbell ก็มีลักษณะเหมือนกับที่ยกน้ำหนัก พูดง่ายๆ คือ จะกระจายการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และอีกส่วนหนึ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
การจัดพอร์ตแบบนี้จะให้ผลดี ตรงที่เราจะได้อัตราผลตอบแทนที่สูงจากตราสารหนี้ระยะยาว และได้ความคล่องตัวจากตราสารหนี้ระยะสั้น รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงจากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น โดยเงินที่ได้จากพันธบัตรระยะสั้นที่หมดอายุ สามารถนำไปลงทุนต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องขายพันธบัตรระยะยาวออกไปในราคาที่ขาดทุน
แถมนักลงทุนยังสามารถจัดพอร์ตโดยไม่จำเป็นต้องแบ่งสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวเท่ากัน แต่กระจายน้ำหนักตามภาวะอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตได้ เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ อาจลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในสัดส่วนที่มากขึ้น แต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ก็ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวในสัดส่วนที่มากกว่า หรือถ้าอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างนิ่ง การแบ่งน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะยาวอย่างละครึ่งๆ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
จัดพอร์ตแบบกระสุนปืน... ลงทุนในตราสารหนี้เพียงตัวเดียวหรือครบกำหนดในเวลาเดียวกัน
ในตลาดตราสารหนี้ คำว่า “Bullet Bond” หมายถึง ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายเงินต้นครั้งเดียว ณ วันครบกำหนดไถ่ถอน หรือวันหมดอายุ ซึ่งเหมือนกับการยิงกระสุนปืนหนึ่งนัด ดังนั้น การจัดพอร์ตแบบกระสุนปืน (Bullet) จึงหมายถึงการลงทุนในตราสารหนี้เพียงตัวเดียว หรืออาจลงทุนในกลุ่มของตราสารหนี้ที่ครบกำหนดอายุในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและคาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนควรลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น แต่หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง อาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เป็นต้น
รู้จักเทคนิคการจัดพอร์ตตราสารหนี้ทั้ง 3 แบบกันไปแล้ว ลองนำทั้ง 3 เทคนิคนี้ไปปรับใช้กับให้เหมาะกับสถานการณ์และสไตล์การลงทุนของตนเองดู หากทำได้ตามนี้ รับรองว่า... การลงทุนตราสารหนี้จะเป็นเรื่องง่าย ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน แถมยังช่วยสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ และกำลังมองหาโอกาส แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุนตราสารหนี้ฉบับมือใหม่” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่