ส่องกองทุน ETF ในไทย กองไหนเหมาะกับเรา!!

โดย SET
6 Min Read
24 ธันวาคม 2563
91.751k views
ETF SET
Highlights
  • จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ ETF ต่างจาก Index Fund ก็คือ ETF เป็นกองทุนเปิดที่สามารถซื้อขายได้แบบ Real-Time ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนหุ้นตัวหนึ่งเลย โดยไม่ต้องรอลุ้นราคากองทุน ณ สิ้นวัน

  • ETF มีให้เลือกลงทุนหลายรูปแบบ ทั้งกองทุนที่อิงกับดัชนีราคาหุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ หุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม รวมไปถึงดัชนีตราสารหนี้ และทองคำ

  • ไม่มีใครบอกได้ว่า ETF กองไหนดีที่สุด เพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ข้อจำกัด และสไตล์การลงทุนของแต่ละบุคคล

สำหรับใครที่กดเข้ามาอ่านบทความนี้ แน่นอนว่า... น่าจะพอรู้จักกับกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) มาก่อนแล้ว ซึ่ง ETF มีความคล้ายกับกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่เน้นสร้างผลตอบแทนด้วยวิธีอ้างอิงตามดัชนีที่กองทุนนั้น ๆ เข้าไปลงทุน เช่น ดัชนีราคาหุ้นในประเทศ ดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ หรือดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น

จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ ETF ต่างจาก Index Fund ก็คือ ETF เป็นกองทุนเปิดที่สามารถซื้อขายได้แบบ Real-Time ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนหุ้นตัวหนึ่งเลย โดยไม่ต้องรอลุ้นราคากองทุน ณ สิ้นวัน

แต่ปัญหาอยู่ที่ ETF ที่มีให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นมีเป็นสิบๆ กองทุน ทำให้มือใหม่ทั้งหลายตัดสินใจไม่ได้ หรือเลือกไม่ถูกว่าต้องซื้อกองไหนดี เพราะไม่รู้ว่าแต่ละกองมีนโยบายลงทุนเป็นอย่างไร? และกองไหนจะเหมาะกับเรา?

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบเข้าใจง่ายๆ ว่าตัวไหนดี ตัวไหนเด่น ตัวไหนตอบโจทย์การลงทุนของเราที่สุด แต่ก่อนจะพาไปรีวิวแต่ละกอง อยากให้มาดูกันก่อนว่า... ปัจจุบัน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มี 5 ประเภท

  • Equity ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในประเทศ
  • Sector ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม
  • Foreign ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ
  • Bond ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้
  • Gold ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ


เมื่อรู้จักประเภทของ ETF ที่มีอยู่ในตลาดแล้ว ก็ถึงเวลา... ทำความรู้จัก ETF รายกองทุนกัน โดยจะขอเริ่มที่ Equity ETF ว่าแต่ละกองมีข้อดี ข้อด้อยอย่างไรบ้าง? แล้วกองไหนเหมาะกับเรา!!

Equity ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในประเทศ

1DIV

ชื่อเต็มๆ ของ 1DIV คือ “กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETFออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ SET High Dividend 30 Index หรือ SETHD ซึ่งดัชนี SETHD ถูกสร้างขึ้นเพื่อรวบรวมหุ้นปันผลสูงจำนวน 30 ตัว ดังนั้น การเลือกลงทุนใน 1DIV จึงเปรียบเสมือนกับการซื้อหุ้นปันผลสูงในดัชนี SETHD 30 ตัวพร้อมๆ กันในครั้งเดียว

หากมองจากดัชนีอ้างอิงแล้ว แน่นอนว่า 1DIV ย่อมต้องเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลสูง แต่ไม่อยากลงทุนในหุ้นเพียงตัวใดตัวหนึ่ง เนื่องจากต้องการกระจายความเสี่ยงไปด้วย แต่จะให้ซื้อหุ้นปันผลสูงทั้ง 30 ตัวใน SETHD ก็เกรงว่าต้นทุนจะสูงกินไป ดังนั้น 1DIV จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนในหุ้นปันผลสูง ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงนั่นเอง

BMSCG

ชื่อเต็มๆ ของ BMSCG คือ “กองทุนเปิด BCAP MID SMALL CG ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ BCAP Mid Small Cap CG Index TR

แล้วดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR คืออะไร? หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ ดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR คือ ดัชนีที่มีหลักการคัดเลือกหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีธรรมาภิบาล และมีสภาพคล่องสูงที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

BMSCG จึงเหมาะสำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีธรรมาภิบาล แต่ต้องเป็นผู้ที่สามารถรับความผันผวนของหุ้นได้ด้วย

BMSCITH

ชื่อเต็มๆ ของ BMSCITH คือ “กองทุนเปิด BCAP MSCI THAILAND ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ MSCI Thailand ex Foreign Board Index ซึ่งถ้าพูดกันแบบง่ายๆ แล้วก็คือ ดัชนีที่ชาวต่างชาติมักจะใช้ดูเวลาจะลงทุนในหุ้นไทย คล้ายๆ กับ SET50 หรือ SET100 ของบ้านเรา ซึ่ง MSCI Index เป็นดัชนีที่มีการคัดขนาดของหุ้น รวมถึงสภาพคล่องสูง เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจในการลงทุน นอกจากนี้ MSCI Index มักจะเป็นดัชนีที่ถูกนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับกองทุนต่างชาติ ด้วยการใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดผลการลงทุน ทำให้ MSCI กลายเป็น Benchmark หรือดัชนีเทียบวัดผลที่นิยมแบบสากล

BMSCITH เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่รู้จะเลือกหุ้นเองอย่างไร ก็เลยลงทุนในหุ้นไทยตามกองทุนต่างชาติ หรืออาจเรียกเป็น... การลงทุนในหุ้นไทยตามสไตล์กองทุนต่างชาติ นอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นไทยตาม SET50 หรือ SET100 ก็ว่าได้

BSET100

ชื่อเต็มๆ ของ BSET100 คือ “กองทุนเปิด BCAP SET 100 ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด มีดัชนีอ้างอิงคือ SET100 Total Return Index

แน่นอนว่าความดีงามของ SET100 คือ เป็นหุ้นที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วว่า เป็นหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงเพียงพอ 100 อันดับแรก และไม่ใช่หุ้นที่กำลังจะถูกเพิกถอน หรือโดนระงับซื้อขายแน่ๆ เมื่อ BSET100 มีดัชนี SET100 TRI เป็นดัชนีอ้างอิงแล้ว ก็สามารถเรียกได้ว่า ETF กองนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นใหญ่มีสภาพคล่องสูงถึง 100 ตัวเลยทีเดียว

BSET100 จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนใกล้เคียง SET100 TRI โดยการลงทุนใน ETF กองนี้ถือเป็นการลงทุนหุ้นใน SET100 โดยใช้เงินลงทุนไม่สูง สามารถลงทุนแบบ DCA ได้ และสามารถลงทุนระยะปานกลาง
ถึงระยะยาว

TDEX

ชื่อเต็มๆ ของ TDEX คือ “กองทุนเปิด ไทยเด็กซ์ เซ็ท 50 อีทีเอฟ” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี SET50 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง ETF ที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากดัชนี SET50 เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย

ดังนั้น เมื่อมีดัชนี SET50 เป็นดัชนีอ้างอิงแล้ว ก็สามารถเรียกได้ว่า ETF กองนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นใหญ่ถึง 50 ตัว อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมที่ไม่แพงอีกด้วย

TDEX เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนตามตลาดหุ้นไทย หรือ SET50 และการต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อหุ้นใหญ่จาก SET50 ด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูง อีกทั้งยังมีนักลงทุนอีกหลายๆ คนที่ใช้กลยุทธ์การลงทุน
แบบ DCA ในกองทุน TDEX

Sector ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม

ENGY & ENY

ทั้ง 2 กองทุนนี้มีความคล้ายกันมาก โดยชื่อเต็มๆ ของ ENGY คือ “กองทุนเปิด MTRACK ENERGY ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด ส่วนชื่อเต็มๆ ของ ENY คือ กองทุนเปิด KTAM SET ENERGY ETF TRACKER ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยทั้งสองกองทุนนี้มีดัชนีอ้างอิง คือ SET Energy & Utilities Sector Index” เหมือนกัน

ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเช่นกัน หากคุณลงทุนใน ETF กองนี้ ก็เท่ากับว่าคุณกำลังซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยเงินลงทุนที่ไม่ต้องมากเลย

ENGY & ENY เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบในธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical Stocks) อีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน ขอย้ำอีกทีว่า... การลงทุนในอุตสาหกรรมเดียว นักลงทุนจำเป็นต้องสามารถรับความผันผวนได้ระดับนึง

Foreign ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ

CHINA

ชื่อเต็มๆ ของ CHINA คือ “กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี CSI 300 Index

เมื่อมีดัชนี CSI 300 Index เป็นดัชนีอ้างอิง ก็เดาไม่ยากว่า ETF ตัวนี้ต้องเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund โดยกองทุนนี้จะไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนแม่ที่มีชื่อว่า W.I.S.E-CSI 300 China Tracker เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนี CSI 300 ซึ่งดัชนี CSI300 Index เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น / ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งคัดเลือกจากหุ้นทั้งหมด 1,800 ตัวอีกที เรียกว่าเราได้กระจายการลงทุนในหุ้นจีนที่ถูกคัดมาเป็นอย่างดีแล้วนั่นเอง

CHINA จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ และต้องการที่จะเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากหุ้นจีนโดยใช้เงินทุนที่ไม่สูงมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดหุ้นจีนมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก จากโอกาสในการเติบโตของเหล่าบริษัทจีนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

UHERO

ชื่อเต็มๆ ของ UHERO คือ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ฮีโร่ อีทีเอฟออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี Solactive Video Games & Esports Index

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการลงทุนแบบ Thematic Investment กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งกองทุน UHERO ถือเป็น Thematic ETF กองแรกของไทย ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนตามเมกะเทรนด์โลกในหุ้นกลุ่มธุรกิจวิดีโอเกมและอีสปอร์ต โดย ETF ตัวนี้เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวชื่อ Global X Video Games & Esports ETF (HERO) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา

UHERO เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกการลงทุนไปในกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตตามทิศทางของโลก และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ต เพราะในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนาของเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิต เกมได้ถูกพัฒนา
ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้รองรับกับความต้องการของผู้คน ยิ่งกระแสของโลกเสมือนจริง Metaverse กำลังเป็นที่กล่าวถึง
ทำให้การลงทุนในธุรกิจกลุ่มนี้กำลังเป็นที่น่าจับตามอง!!

UBOT

ชื่อเต็มๆ ของ UBOT คือ “กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี Indxx Global Robotics & Artificial Intelligence Thematic Index

ตอกย้ำเทรนด์การลงทุนแบบ Thematic Investment UBOT เพิ่มทางเลือกลงทุนในอุตสาหกรรม Robotics & AI ชั้นนำทั่วโลกผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย โดย เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF (BOTZ) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีสัดส่วนของรายได้จากกลุ่มธุรกิจหรืออุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มผู้พัฒนาหุ่นยนต์สำหรับการประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และในด้านการแพทย์ กลุ่มธุรกิจผู้พัฒนา
แอพพลิเคชั่น เทคโนโลยี ที่ประยุกต์ใช้ A.I. สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล การทำระบบอัตโนมัติ และกลุ่มธุรกิจผู้พัฒนา
ยานยนต์ไร้คนขับ ทั้ง Software และ Hardware


UBOT เหมาะกับผู้ที่ชอบลงทุนเป็นธีมตามเมกะเทรนด์โลก และอยากเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม Robotics & AI ที่จะเติบโตมากขึ้นในอนาคตจากการนำหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์มาใช้ใน
อุตสหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งทดแทนวัยแรงงานที่มีแนวโน้มจะลดลง


Bond ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้

ABFTH

ชื่อเต็มๆ ของ ABFTH คือ “กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด มีดัชนีอ้างอิง คือ iBoxx ABFTH Index

แล้วดัชนี iBoxx ABFTH คืออะไร? หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ ดัชนี iBoxx ABFTH คือ ดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐ โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลไทย หรือออกโดยภาครัฐที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน จึงถือว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ

เนื่องจากกองทุนไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาว จึงมีโอกาสที่ระยะสั้นอาจขาดทุนได้ ABFTH จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว ไม่ต้องการความเสี่ยงที่สูง และต้องการเงินปันผล เพราะกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง

Gold ETF: มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ

GLD

ชื่อเต็มๆ ของ GLD คือ “กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ LBMA Gold Price AM USD

แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่า ETF กองนี้คือ “กองทุนทองคำ” ซึ่งกองทุนนี้ถือเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund โดยมีกองแม่ คือกองทุน SPDR® Gold Trust ขอบอกไว้ก่อนเลย... ขึ้นชื่อว่าเป็นกองทุนทองคำแล้ว ก็จะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8 หรือเสี่ยงสูง

GLD จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง สนใจลงทุนหรือเก็งกำไรในทองคำ หรือต้องการบริหารพอร์ตแบบ Asset Allocation เพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม

เอาเป็นว่า… ใครชอบ ETF กองทุนประเภทไหน ก็ลองไปศึกษาเพิ่มเติมกันดูว่า ETF แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร และคุณเหมาะกับกองทุนประเภทไหน สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ :)

สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มลงทุนใน ETF สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้ลงทุน ETF ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

หรือใครที่อยากอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ ETF สามารถดูเพิ่มได้ที่ www.setinvestnow.com/ETF 


หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

แท็กที่เกี่ยวข้อง: