หากพูดถึงการวิเคราะห์ SET50 Index Futures นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าต้องใช้เครื่องมือปัจจัยทางเทคนิค หรือบางคนมีความเข้าใจว่าสินค้าในตลาดอนุพันธ์ไม่เหมาะกับการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน ที่สำคัญนักลงทุนส่วนใหญ่เน้นเก็งกำไรระยะสั้นจบภายในวันหรือไม่กี่นาที
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุน SET50 Index Futures บอกไปในทิศทางเดียวกันว่า... หากต้องการชนะและทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากต้องใช้เครื่องมือปัจจัยทางเทคนิคแล้ว ยังต้องใช้ตัวแปรด้านปัจจัยพื้นฐานและด้านจิตวิทยาการลงทุนในการวิเคราะห์ด้วย
ตัวแปรด้านปัจจัยพื้นฐาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า... ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสำคัญๆ ของโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นยุโรปจะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดังนั้น นักลงทุนต้องติดตามประเด็นที่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งสองในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเวลาเช้าก่อนตลาดหุ้นไทยจะเปิดทำการซื้อขาย
เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงาน มีมาร์เก็ตแคปคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของมาร์เก็ตแคปดัชนี SET50 Index ดังนั้น ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะมีผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและตลาดหุ้นไทยโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาหุ้นมักจะวิ่งตามราคาน้ำมันดิบ เช่น หากมีปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน หุ้นกลุ่มพลังงานมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และอาจเป็นผลบวกต่อดัชนี SET50 Index ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบอย่างใกล้ชิด
นักลงทุนต่างชาติมีบทบาทสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย เราจึงต้องจับตามอง “เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ” เป็นพิเศษ เพราะการเข้าหรือออกของเงินลงทุนมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนีหุ้น
ปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เช่น นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย สภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน เช่น ถ้าประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว เม็ดเงินลงทุนก็จะไหลเข้ามา ก็จะทำให้ดัชนี SET50 Index มีโอกาสปรับขึ้น เป็นต้น
นักลงทุนควรดูว่า... ถ้าดัชนี SET Index ปรับขึ้นได้ดีกว่าดัชนี SET50 Index หมายความว่าในช่วงนั้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าหุ้นขนาดใหญ่ โดยสังเกตว่าดัชนี SET50 Index จะปรับขึ้นไม่มากและค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น หากเปิดสถานะ SET50 Index Futures อาจไม่ตอบโจทย์
ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร สื่อสาร และหุ้นบางตัวที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 Index เช่น SCC, AOT และ CPALL ซึ่งการวิเคราะห์แนวโน้มจะมุ่งไปที่การพิจารณาประเด็นที่มีผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมหรือหุ้นตัวนั้น เช่น ถ้ามีปัจจัยเชิงบวกก็อาจทำให้ SET50 Index ปรับขึ้น ตรงกันข้ามถ้ามีปัจจัยเชิงลบก็ทำให้ดัชนีปรับลดลง
ตัวแปรด้านจิตวิทยาการลงทุน
เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย ถ้านักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิและซื้อต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นต่อ ตรงกันข้ามถ้านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิและขายต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับลดลง
นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการลงทุนที่ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งปริมาณซื้อขาย (Volume) และสถานะคงค้าง (Open Interest) ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมของนักลงทุน 2 กลุ่ม คือ “ปริมาณซื้อขาย” เป็นตัวแทนของนักเก็งกำไร ส่วน “สถานะคงค้าง” เป็นตัวแทนของนักลงทุนหรือการป้องกันความเสี่ยง
หากราคาฟิวเจอร์สขึ้น พร้อมกับปริมาณซื้อขายและสถานะคงค้าง แสดงว่าราคาของ SET50 Index Futures ก็มีแนวโน้มปรับขึ้น แต่หากราคาฟิวเจอร์สขึ้น พร้อมปริมาณซื้อขาย แต่สถานะคงค้างไม่เพิ่มหรือลดลง แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจไม่ยั่งยืน เพราะไม่มีใครกล้าถือสถานะข้ามวัน เป็นต้น
ปัจจัยข้างต้นถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ในการช่วยให้คาดการณ์ทิศทาง SET50 Index Futures เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในแต่ละวันได้ดีขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ต้องศึกษาปัจจัยอื่นๆ ก่อนตัดสินใจเปิดสถานะ
ย้ำอีกครั้งว่า... ทุกตัวแปรที่นำเสนอ สามารถปรับเปลี่ยนได้เองตามมุมมองของนักลงทุน เพราะตัวแปรที่เคยเชื่อว่ามีความสัมพันธ์ เมื่อถึงวันที่ใช้งานจริงอาจไม่มีความสัมพันธ์เลยก็ได้ จึงควรหาตัวแปรที่ครอบคลุมทั้งปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางเทคนิค และจิตวิทยาการลงทุน ที่สำคัญต้องยึดถือกฎในการเปิดหรือปิดสถานะอย่างมีวินัย
สำหรับมือใหม่หัดเทรดฟิวเจอร์ส แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นวางกลยุทธ์การลงทุนในฟิวเจอร์สอย่างไรให้ได้กำไรทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้กลยุทธ์ลงทุน Futures” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน