“อยากลงทุนในหุ้นของกิจการที่ดังระดับโลก ต้องเตรียมตัวยังไง มีทางเลือกลงทุนแบบไหนบ้าง?”
“อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเพียงใบเดียว” เป็นคำเตือนให้เห็นความสำคัญของเรื่องการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้เป็นอย่างดี หลาย ๆ คนจึงมีการวางแผนลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศบ้าง เพื่อช่วยชดเชยผลตอบแทนที่ติดลบของตลาดหุ้นไทยในปีที่ยากลำบาก แต่ความจริงแล้ว... การลงทุนในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศก็มีความเสี่ยงที่คล้ายคลึงกัน อีกทั้งการลงทุนในหุ้นต่างประเทศจะมีความเสี่ยงด้านความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมาด้วย
ดังนั้น คุณจึงควรทำความเข้าใจเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนจัดสรรเงินไปลงทุน เพื่อให้แผนการลงทุนนั้นเหมาะสมกับความต้องการและข้อจำกัดส่วนบุคคลได้
นักลงทุนมือใหม่ลองศึกษา “2 ทางเลือก ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ” เพื่อวางแผนกระจายการลงทุนสำหรับอนาคตได้
1. ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
โดยเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศโดยตรง ซึ่งมี 3 ช่องทางหลัก ๆ คือ
ช่องทางเปิดบัญชี | ข้อดี | ข้อจำกัด |
เปิดบัญชีกับบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในต่างประเทศ | ค่านายหน้าและค่าธรรมเนียมการซื้อขาย จะต่ำกว่าวิธีอื่น | ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร และการกรอกข้อมูลในเอกสารต่าง ๆ จะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาที่โบรกเกอร์เหล่านั้นใช้งานเป็นหลัก |
เปิดบัญชีและทำธุรกรรมผ่านบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในไทย หรือ Offshore Investment | มีความสะดวกในการรับบริการ โดยปัจจุบันมีหลายแห่งที่เปิดให้บริการ | ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูงกว่าช่องทางแรก และนักลงทุนจะไม่มีกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์ที่ซื้อขายโดยตรง เพราะจะอยู่ภายใต้ชื่อของบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการ แต่นักลงทุนจะได้กำไรที่ได้จากการขาย รวมถึงรับเงินปันผลตามปกติ |
ใช้บริการจากผู้ให้บริการ แพลตฟอร์มการลงทุนต่าง ๆ ของต่างประเทศ | มีความยืดหยุ่นในการลงทุน สามารถซื้อขายหลักทรัพย์แต่ละครั้งโดยใช้เงินไม่มาก และค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ หลายแห่งมีระบบการสนับสนุนและซื้อขายเป็นภาษาไทย | บริษัทผู้ให้บริการเหล่านี้ จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานต่างประเทศ ซึ่งหากคุณไม่มีความคุ้นเคย หรือไม่มีความรู้ความเข้าใจเชิงลึก จะมีความเสี่ยงที่อาจจะประสบปัญหาเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนนั้น |
โดยซื้อหุ้นหรือกองทุนรวมของไทยที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ช่วยให้คุณสามารถกระจายเงินลงทุนไปในหุ้นในแต่ละอุตสาหกรรม แต่ละประเทศ หรือแต่ละทวีปได้ รวมถึงช่วยกระจายความเสี่ยงได้ง่ายกว่าการลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นรายตัว จึงเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกกว่ามาก เพราะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่บริหารจะมีบทบาทสำคัญ ช่วยจัดการเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและกระบวนการซื้อขายต่าง ๆ โดยมีตัวอย่างกองทุน เช่น
กองทุนรวมหน่วยลงทุน (Feeder Fund) | กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ |
เหมาะกับคนที่มีเงินลงทุนขั้นต่ำน้อย เพราะเป็นการนำเงินจากนักลงทุนหลาย ๆ คน ไปซื้อกองทุนหุ้นหลัก (Master Fund) ในต่างประเทศที่ทาง บลจ. คัดเลือกและเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดี เช่น กองทุนตลาดหุ้นอเมริกา กองทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ครอบคลุมหุ้น และ ETFs หลายพันตัว ผลตอบแทนที่ได้จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของ Master Fund นั้นๆ เป็นหลัก ในบางกองทุนก็จะมีการกระจายเงินไปซื้อกองทุนหลักมากกว่า 1 กอง ซึ่งก็ช่วยให้มีการกระจายความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนมากขึ้น | เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการลงทุน แต่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง (1 ล้านบาทขึ้นไป) และเงินลงทุนขั้นต่ำสูง เพราะนักลงทุนจะสามารถพิจารณาเลือกนโยบายการลงทุนให้ตรงตามความต้องการ ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศด้วยก็ได้ แต่กองทุนนี้จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากผลตอบแทนการลงทุนที่ทำได้ นอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมการจัดการลงทุน |
หมายเหตุ: สามารถค้นหาข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับหุ้น และกองทุนต่างประเทศ โดยการพิมพ์ชื่อหุ้น หรือกองทุนในเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน เช่น https://funds.ft.com และ https://www.bloomberg.com/asia
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีทางเลือกลงทุนชนิดใหม่ที่ชื่อว่า “DR” หรือ “Depositary Receipt” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้ โดยผ่านการซื้อขาย DR ที่จดทะเบียนซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการยกหุ้นต่างประเทศมาให้ซื้อขายได้บนตลาดหุ้นไทย ในรูปแบบของการซื้อขาย “ใบรับฝาก” แทน
ดังนั้น นักลงทุนที่ถือครอง DR จึงเปรียบเสมือนกับถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านใบ DR ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน เนื่องจากซื้อขายด้วยเงินบาท ใช้บัญชีเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นไทย เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป
การลงทุนทั้งในหุ้นและกองทุนหุ้นต่างประเทศสามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย ถ้าคุณศึกษาและติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน ในแต่ละประเทศอย่างสม่ำเสมอ แค่นี้... ก็สามารถใช้ประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยง มาสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนที่หลากหลายและเหมาะสมตามความต้องการ
สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนในหุ้นหรือ ETF ต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุน DR ฉบับมือใหม่” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่