อัตราดอกเบี้ยประเภทต่าง ๆ จะถูกคำนวณเป็นอัตราร้อยละต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยในทางเศรษฐศาสตร์จะสะท้อนมูลค่าของเวลา (Time Value) และสะท้อนมูลค่าของเงิน ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับอัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วย ทำให้การคำนวณอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ สามารถทำได้หลายวิธีเพื่อสะท้อนปัจจัยเหล่านั้น
ตัวอย่างการคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบต่าง ๆ ที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน ได้แก่
การคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้เงินต้องจ่ายจริง (Effective Interest Rate) |
ตัวอย่างเช่น กู้เงินผ่อนสินค้า 30,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน โดยจะต้องชำระทั้งสิ้น 24 เดือน
เงินผ่อนชำระต่อเดือน | = (เงินต้น + ดอกเบี้ย) / จำนวนงวด |
= [30,000 + (30,000 x 2% x 24)] / 24 = 1,850 บาทต่อเดือน | |
หรือคิดเป็นเงินที่จ่ายคืนให้เจ้าหนี้ทั้งสิ้น 44,400 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณเปรียบเทียบกับเงินต้นและระยะเวลาที่กู้ยืมแล้ว | |
จะต้องเสียดอกเบี้ย 3.41% ต่อเดือนหรือ 40.88% ต่อปี |
ในกรณีนี้ Nominal Interest Rate คือ 2% ต่อเดือนหรือ 24% ต่อปี และ Effective Interest Rate คือ 3.41% ต่อเดือนหรือ 40.88% ต่อปี เห็นได้ว่า Effective Interest Rate จะสูงกว่า Nominal Interest Rate ถึง 16.88% ต่อปี ซึ่งความแตกต่างนี้จะสูงขึ้นอีก หากระยะเวลาในการกู้ยืมยาวนานขึ้น หรือมีจำนวนงวดที่ต้องผ่อนชำระมากขึ้น ดังนั้นในการกู้เงินผู้กู้จึงควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
การคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได (Step Up Interest Rate) |
ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 1 มกราคม ฝากเงิน 100,000 บาท ได้รับอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได 12 เดือน โดยธนาคารจ่ายดอกเบี้ยสำหรับเดือนที่ 1 - 4 ในอัตรา 2% เดือนที่ 5 - 8 ในอัตรา 2.5% เดือนที่ 9 - 11 ในอัตรา 3% และเดือนสุดท้ายในอัตรา 3.5% โดยมีเงื่อนไขว่า หากถอนเงินก่อนกำหนดจะได้รับดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ออมทรัพย์ ในกรณีนี้ ดอกเบี้ยที่ได้รับจะคำนวณดังนี้
ดังนั้น จะได้รับดอกเบี้ยทั้งสิ้น 2,545.21 บาท (657.53 + 842.47 + 747.95 + 297.26)
หรือได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารจ่ายจริง (Effective Interest Rate) คือ 2.54% นั่นเอง
ที่มา : หนังสือ 365+1 คำศัพท์การเงินและการลงทุน