เทคนิควางแผนการเงินฉบับมือใหม่

 "หลายๆ คนฝันอยากรวย 
มีความมั่งคั่ง มีชีวิตที่สุขสบาย" 

จึงพยายามก้มหน้าก้มตาทำงาน เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย หรือซื้อของที่ตนเองอยากได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนเค้าก็ทำกัน และไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ถ้าเรารู้จักกินอยู่อย่างพอดี ไม่ก่อหนี้เพิ่ม และมีเงินเก็บออมพอประมาณ 

แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม คนที่ทำอะไรเกินตัว กู้หนี้ยืมสิน ผ่อนทุกอย่าง คนพวกนี้แม้จะมีสิ่งของที่เพอร์เฟค แต่ก็มีหนี้สินรอบตัวมากมาย แบบนี้ถือว่าไม่โอเค เพราะนอกจากจะไม่มั่งคั่งแล้ว ยังไม่มั่นคงอีกด้วย ดังนั้น ใครที่อยากมั่งคั่งอย่างมั่นคงมาทำตามนี้กันเถอะ

img-planning-1-01

สำรวจสถานภาพทางการเงินของตัวเอง... 
เรา “มั่งคั่ง” แล้วหรือยัง?
คำว่า “มั่งคั่ง” ก็คือ เงินที่เหลืออยู่ หลังจากที่นำสินทรัพย์ทั้งหมดลบด้วยหนี้สินทั้งหมด ยิ่งเรามีสินทรัพย์สุทธิมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะนำเงินไปต่อยอดสร้างความ มั่งคั่งก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ ยิ่งมีเงินเหลือเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะมั่งคั่งร่ำรวยได้มากนั่นเอง

img-planning-1-01
img-planning-1-02

แต่ก่อนจะมั่งคั่งได้... เราต้องอยู่รอดให้ได้ก่อน ซึ่งมีวิธีดูง่ายๆ โดยดูจาก

img-planning-1-03

สำหรับรายได้จากสินทรัพย์ หมายถึง รายได้หรือดอกผลที่มาจากสินทรัพย์ลงทุนต่างๆ เช่น
img-planning-1-04  ดอกเบี้ย (เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้)
img-planning-1-04  เงินปันผล (หุ้นสหกรณ์ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ) 
img-planning-1-04  กำไรจากการลงทุน (หุ้น หน่วยลงทุนในกองทุนรวม ฯลฯ) 
img-planning-1-04  ค่าเช่า (บ้าน อาคาร ที่ดิน แท๊กซี่ ฯลฯ)

img-planning-1-05
หลังจากนั้น หากอยู่รอดได้แล้ว วิธีที่จะทำให้รู้ว่าเรามีความมั่งคั่งและมีอิสรภาพทางการเงินแล้วนั้น คำนวณได้จาก
img-planning-1-06

ถ้าเรามีอัตราส่วนความมั่งคั่งมากกว่า 1 ก็แสดงว่า แม้เราจะไม่ทำงาน เราก็มีรายได้จากสินทรัพย์มากพอที่จะใช้จ่าย และใช้ชีวิตได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร พูดง่ายๆ ว่า เรามี “อิสรภาพทางการเงิน” แล้วนั่นเอง


เริ่มต้นวางแผนออมอย่างมี “เป้าหมาย”
ถ้าเราต้องการที่จะมีเงินมากๆ ก็ต้องอาศัยการวางแผน โดยเริ่มจาก “แปลงความฝันให้กลายเป็นเป้าหมาย”

ถามตัวเองก่อนว่าเราจะออมเงินเพื่ออะไร เช่น ซื้อรถ ซื้อบ้าน หรือ แต่งงาน เพราะถ้าเรารู้เป้าหมายว่าจะออมไปเพื่ออะไร ก็จะสามารถคาดได้ว่า จะต้องใช้เงินเท่าใด? ต้องออมนานแค่ไหน? ถึงจะทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ

วิธีที่แสนง่ายดายที่จะแปลงความฝันให้เป็นเป้าหมาย เริ่มด้วยการเขียนเป้าหมายนั้นลงบนกระดาษ หรืออาจจะหาภาพมาติดไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ในห้องนอน ห้องน้ำ ที่ที่เราจะได้เห็นแบบชัดๆ และเห็นบ่อยๆ ซึ่งมันจะทำให้ “เป้าหมาย” ไม่กลายเป็น “เป้าหาย” เพราะการเห็นสิ่งนั้นบ่อยๆ จะช่วยย้ำเตือน และกระตุ้นให้เราพยายามทำสิ่งนั้นให้เป็นจริง

img-planning-1-07

เป้าหมายที่ดีต้องมีความชัดเจน วัดผลได้ ทำสำเร็จได้ เป็นไปได้ และมีระยะเวลากำหนดไว้อย่างชัดเจน แน่นอน หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “S-M-A-R-T Goals”

Specificต้องชัดเจน เป้าหมายต้องถูกกำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจง รู้ว่าต้องการอะไร
Measurable วัดผลเป็นตัวเลขหรือตัวเงินได้อย่างชัดเจน เพราะจะทำให้เรารู้ว่าใกล้จะถึงเป้าหมายหรือยัง
Achievableทำสำเร็จได้จริง
Realisticเป็นไปได้ และต้องมีความสมเหตุสมผล สอดคล้องกับความเป็นจริง
Time Boundมีกรอบเวลาที่แน่ชัด รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลามากน้อยแค่ไหนที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย

จากที่กล่าวมา สามารถยกตัวอย่างการตั้งเป้าหมายให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้

img-planning-1-08


ต่อยอดเงินออมด้วยการลงทุน

เพราะดอกผลที่ได้รับจากการลงทุนจะช่วยทุ่นแรงทำให้เป้าหมายต่างๆ เป็นจริงได้เร็วขึ้น ดังนั้น การลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรละเลย แต่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถลงทุนได้ทันที เราต้องมีการสำรวจตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อมกันก่อน โดยใช้หลัก หลัก 3 ต. ง่ายๆ นั่นก็คือ เตรียมตัว เตรียมสตางค์ และเตรียมใจ

img-planning-1-09

ต. ที่ 1 เตรียมตัว
ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทางเลือกที่คิดจะลงทุนไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะ ความเสี่ยงและผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่จะลงทุนนั้น เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย สถานะทางการเงิน และระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ 

img-planning-1-10

ต. ที่ 2 เตรียมสตางค์
เงินที่จะใช้ลงทุนควรเป็นเงินเย็นที่พร้อมจะลงทุน ซึ่งเราควรพิจารณา “แผนการออมและแผนการใช้จ่าย” ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

img-planning-1-11

ต. ที่ 3 เตรียมใจ
“เตรียมใจ” ให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุน ถือเป็นเคล็ดลับในการลงทุนอย่างมีความสุข เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มัก “ขาดความอดทน” และ “ไม่มีวินัย” ในการลงทุนที่ดีพอ จึงมักจะลงทุนไปตามสิ่งเร้าหรือตามกระแส ไม่ได้พิจารณาการลงทุนด้วยความรอบคอบ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เราเลิกลงทุนไปกลางทาง และทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ในที่สุด

เอาเป็นว่า...ใครอยากมี “ความมั่งคั่งทางการเงิน” ควบคู่ไปกับ “ความมั่นคงทางอารมณ์” ต้องเตรียม 3 ต. ทั้งเตรียมตัว เตรียมสตางค์ และเตรียมใจให้พร้อมจะได้ออกสตาร์ทบนเส้นทางการลงทุนแสนสุขได้


เทคนิควางแผนการเงินฉบับมือใหม่ทั้ง 3 ข้อนี้จะช่วยทำให้เราเข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ เมื่อรู้แล้วต้องเริ่มต้นทำทันทีและทำอย่างมีวินัย เพียงแค่นี้ชีวิตที่ดีขึ้นก็เป็นจริงได้แน่นอน