ETF มีลักษณะเช่นเดียวกันกับหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่สามารถซื้อขายแบบ Real-Time ได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
จึงมีสภาพคล่องไม่ต่างจากหุ้นที่ซื้อขายได้ตลอดวัน พูดง่ายๆ คือ ETF เป็นเหมือนหุ้นตัวหนึ่งที่สามารถเข้าไปเทรดได้ในตลาด และจะมีสัญลักษณ์ของ ETF นั้นๆ เช่นเดียวกับหุ้น
ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง ETF กับหุ้น คือ การซื้อหุ้นจะเป็นการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น แต่การซื้อ ETF จะเหมือนนำเงินลงทุนของเราไปกระจายซื้อทุกหลักทรัพย์หรือในสินทรัพย์ที่ ETF อ้างอิงตามน้ำหนักของดัชนี เช่น ETF ที่อ้างอิงดัชนี SET50 ก็จะซื้อหุ้นทั้ง 50 ตัวในสัดส่วนเดียวกับที่อยู่ในดัชนี SET50 เพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนเท่ากับหรือใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด จึงทำให้ ETF เป็นเครื่องมือช่วยกระจายความเสี่ยงที่ต้นทุนต่ำ
นอกจากนี้ ETF ยังมี “ผู้ดูแลสภาพคล่อง” หรือที่เรียกว่า Market Maker คอยเสนอราคาซื้อขาย (Bid-Offer) ระหว่างวัน ซึ่งจะทำให้ราคาซื้อขายสอดคล้องกับการขึ้นลงของดัชนีอ้างอิงอยู่เสมอ สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกองทุน แถมยังมี “ผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน” หรือ Participant Dealer คอยเพิ่มหรือลดหน่วยลงทุนให้กับ บลจ. ผู้ออก ETF นั้นๆ หากซื้อขายด้วยปริมาณสูงๆ ทำให้มีหน่วยลงทุนเพียงพอหากคนต้องการซื้อ ETF เยอะ หรือมีเงินเพียงพอหากคนต้องการขาย ETF เยอะ นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า... ถ้าเราอยากซื้อหรือขาย ก็จะมีคนที่คอยดูแลในส่วนนี้อยู่
ขณะที่หุ้นจะไม่มีทั้ง Market Maker และ Participant Dealer โดยราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและความต้องการขายของนักลงทุนล้วนๆ ไม่มีใครมาช่วยดูแลว่าตอนนี้ราคาแพงเกินไปแล้ว ไม่ได้สะท้อนมูลค่ากิจการที่แท้จริง
ETF และกองทุนรวมดัชนีต่างก็เป็นเครื่องมือช่วยในการกระจายความเสี่ยง
ใช้เงินลงทุนน้อย ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป แถมยังมีนโยบายสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงเหมือนกัน
แต่มีข้อแตกต่างต่างกันตรงที่... ETF เป็นกองทุนรวมที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่งซึ่งสามารถซื้อขายได้แบบ Real-Time ในเวลาทำการของตลาดหุ้น จึงต้องซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์
ขณะที่กองทุนรวมดัชนีจะต้องซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เท่านั้น โดยสามารถซื้อขายได้ตามเวลาที่ บลจ. กำหนด ซึ่งจะต้องรอลุ้นราคา NAV ตอนสิ้นวัน
ตารางนี้น่าจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความแตกต่างระหว่าง... ETF หุ้น และกองทุนรวมดัชนี มากยิ่งขึ้น
“แล้ว ETF มีความเสี่ยงไหม?”
อย่างที่หลายๆ คนกล่าวไว้ “การลงทุนมีความเสี่ยง” ETF ก็เช่นกัน ซึ่งความเสี่ยงหลักๆ ของ ETF จะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิงที่ ETF ไปลงทุน ซึ่งจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ ETF เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามไปด้วย
รวมไปถึงความเสี่ยงจากการที่ ETF ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียงหรือเท่ากับผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง หรือที่เรียกกันเท่ๆ ว่า “Tracking Error” ซึ่งอาจเกิดจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย หรือเกิดจากความสามารถของผู้จัดการกองทุนในการบริหารกองทุน ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับเบี่ยงเบนไปจากผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย และความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน กรณีที่ลงทุนใน ETF ที่ไปอ้างอิงสินทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้อัตราผลตอบแทนเมื่อคิดเป็นสกุลบาทไม่ตรงกับอัตราผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง อันเนื่องจากความผันผวนของค่าเงินได้