3 Checklist ตรวจสอบ Market Maker

รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ... การเทรด DW ก็เช่นกัน ถ้าเรารู้ข้อมูลที่มากพอ ก็ชนะเกมนี้ได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะข้อมูลผู้ออก DW และผู้ดูแลสภาพคล่อง หรือที่เรียกกันว่า “Market Maker” เพราะผู้ออกแต่ละค่ายจะมีสไตล์การออก DW ที่ไม่เหมือนกัน บางรายเน้นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว อัตราทดสูง หรือบางรายเน้นการถือครองยาวๆ มีค่าเสื่อมราคาต่ำ

หลายคนอาจสงสัยว่า...
Market Maker คือใคร? ทำหน้าที่อะไร?
หลายคนอาจสงสัยว่า...
Market Maker คือใคร? ทำหน้าที่อะไร?

ชื่อก็พอจะบอกอยู่แล้วว่าเป็นคนที่ทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหว เกิดการซื้อขายกัน หน้าที่ของ Market Maker จึงเป็นการ “ดูแลสภาพคล่อง” ทำให้นักลงทุนอุ่นใจว่ามีปริมาณหุ้นให้ซื้อขายมากเพียงพอ และเป็นราคาที่เหมาะสมไม่เอารัดเอาเปรียบ 

โดยปกติแล้วโบรกเกอร์ผู้ออก DW แต่ละค่ายจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องด้วยตนเอง และจะกำหนดรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ไว้ใน “ข้อกำหนดสิทธิ” ของ DW ที่เสนอขายต่อนักลงทุน เช่น ราคาใช้สิทธิ ระยะเวลาใช้สิทธิ อัตราใช้สิทธิ เหตุการณ์ที่จะมีการปรับราคาและอัตราใช้สิทธิ 

รวมไปถึงเงื่อนไขในการทำหน้าที่ของผู้ดูแลสภาพคล่อง ซึ่งทั่วไปจะระบุปริมาณ DW ที่ทำการวางในตลาด และช่วงห่างของ Bid-Offer แต่ในบางกรณี Market Maker ก็สามารถยกเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการทำสภาพคล่องได้ เช่น กรณีที่ราคา DW ต่ำกว่า 0.05 บาท หรืออายุคงเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 14 วันทำการ ซึ่งเป็น DW ที่ใกล้หมดอายุแล้ว เป็นต้น

เราในฐานะนักลงทุนจึงต้องอ่านรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับ DW นั้นให้ดี รวมทั้งศึกษาข้อมูลในตลาดจริง และพิจารณาความสามารถในการทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่องของผู้ออกแต่ละค่ายด้วยว่า... ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่องเป็นอย่างไร?

เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะเริ่มลงทุน 
ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ใน 3 ประเด็น

img-dw-5-01

Bid-Offer... หนาแน่น

Market Maker ต้องตั้งราคาเสนอซื้อและเสนอขาย หรือ Bid-Offer หนามากพอ และวางไม่ห่างเกินไป… ทำให้เราเคาะซ้ายขวาได้โดยไม่เสียราคา หมายความว่า หากเราจะลงทุน DW ตัวหนึ่ง จำนวนหุ้นที่จะซื้อ คือ 100,000 หุ้น DW ตัวที่เราต้องการเลือก ก็ควรมี Bid-Offer มากกว่า 100,000 หุ้น เพื่อรองรับการซื้อขายของนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย 

สิ่งที่นักลงทุนต้องตรวจสอบ คือ Market Maker มีการวาง Bid-Offer เป็นอย่างไร? วาง Bid รับซื้อคืนตามตารางที่กำหนด แต่วาง Offer ห่างไปหลายช่อง เหมือนฟันหลอมั้ย? เพราะถ้า “ใช่” นั่นแปลว่า... Market Maker อาจไม่มีของไม่อยากขายของ หรือมีแต่ผู้ออกเท่านั้น ไม่มีนักลงทุนคนอื่น

ดังนั้น Market Maker ที่ดี ควรตั้งราคา Bid-Offer ไม่ห่าง หรือห่างให้น้อยที่สุด (1 Tick Size) และราคา DW เปลี่ยนแปลงไปตามหุ้นอ้างอิงทันที

img-dw-5-02
Indicative Price... ขยับเร็ว และแม่นยำ

โดยปกติโบรกเกอร์ผู้ออก DW ทุกรายจะทำตารางราคาเหมาะสมของ DW แต่ละตัวเอาไว้ เราเรียกตารางนี้ว่า “Indicative Price Table” ซึ่งเป็นเหมือนคัมภีร์การเคลื่อนไหวของราคา DW กับสินค้าอ้างอิง เพื่อให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ราคาและวางแผนการเทรด DW ได้ หากราคาสินค้าอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลงไป 

Market Maker ที่ดีจะทำราคาให้เป็นไปตาม Indicative Price Table ที่ประกาศไว้ ซึ่งนักลงทุนควรเลือกซื้อขาย DW ที่ราคาเป็นไปตามทฤษฎี พูดง่ายๆ คือ เมื่อราคาสินค้าอ้างอิงปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลง ราคา DW ควรขยับตามอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และสมเหตุสมผลใกล้เคียงกับราคาสินค้าอ้างอิง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเทรด DW

สิ่งที่นักลงทุนต้องตรวจสอบ คือ ราคาที่ระบุในตารางเป็นราคาเสนอซื้อ (Bid) หรือเสนอขาย (Offer)? เพื่อให้เข้าใจกลไกการเคลื่อนไหวของราคาอย่างถูกต้องก่อนตัดสินใจซื้อ และตรวจสอบว่า... ราคา DW ที่ซื้อขายอยู่ในปัจจุบันเป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่? โดยนำ Indicative Price มาเปรียบเทียบกับราคาที่ซื้อขายจริงในกระดาน ซึ่งราคาไม่ควรแตกต่างกันมากนัก

img-dw-5-02
img-dw-5-03

Volume... เพียงพอ

ปริมาณวอลุ่มเป็นอีกหัวใจหนึ่งในการซื้อขาย DW เพราะหากอยากลงทุนจำนวนมาก แต่ Bid-Offer น้อย อาจทำให้เราไม่สามารถลงทุนได้ตามต้องการ หรือหากต้องการเทรดก็ทำได้ยาก เพราะสภาพคล่องไม่พอ 

Market Maker ที่ดี ต้องดูแล DW ที่ออกให้มีปริมาณวอลุ่มเพียงพอต่อการซื้อขาย วอลุ่มยิ่งมากก็ยิ่งดี ทำให้เราซื้อขายได้สะดวก เข้าออกง่าย แถมยังทำให้นักลงทุนมีโอกาสซื้อ-ขายได้ราคาดีกว่าตารางราคาตามที่ผู้ออกได้แจ้งไว้ด้วย โดย DW ที่มีวอลุ่มเยอะๆ นั้น นอกจากแสดงถึงความเป็นที่นิยมของนักลงทุนแล้ว ยังสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของผู้ออก และความสามารถของ Market Maker ในการจัดการราคาของ DW ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงๆ ให้ตรงตามตารางราคาอีกด้วย 

สิ่งที่นักลงทุนต้องตรวจสอบ คือ เมื่อมีการซื้อขาย DW ปริมาณมากๆ แล้ว Market Maker จะเพิ่มปริมาณ DW ให้เพียงกับความต้องการของนักลงทุนได้ทันเวลาหรือไม่?

ซึ่งปกติเวลาที่วอลุ่มเยอะๆ Market Maker ก็จะบริหารจัดการให้ราคาตรงตามตารางได้ยากขึ้น หลายค่ายจึงมีการ
นำเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศมาใช้วางวอลุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับนักลงทุนไทย


เหล่านี้ล้วนเป็นพฤติกรรมของ Market Maker ที่นักลงทุนจะต้องเฝ้าสังเกตด้วยตนเองก่อนเริ่มลงทุน โดยนักลงทุนควรเลือก DW ที่ผู้ออก และ Market Maker มีประสบการณ์ยาวนาน และมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความน่าเชื่อถือในการทำหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการทำกำไรได้