ผลตอบแทนและความเสี่ยงของ DR มีอะไรบ้าง? และคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือเปล่า? เราสามารถพิจารณาได้ดังนี้
ผู้ที่ถือ DR จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเสมือนถือครองหลัก
ทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ โดยตรง โดยแบ่งผลตอบแทนออกเป็น 2 ส่วน
ผู้ที่ถือ DR จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเสมือนถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ โดยตรง โดยแบ่งผลตอบแทนออกเป็น 2 ส่วน
หากนักลงทุนขาย DR ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อ จะได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา โดยกำไรที่ได้จากการขาย DR จะได้รับ “ยกเว้นภาษี” เหมือนกำไรที่ได้จากการขายหุ้นไทย
กรณีหุ้นแม่หรือ ETF ประกาศจ่ายเงินปันผล หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น หุ้นปันผล สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน ฯลฯ ผู้ถือ DR จะได้รับเงินปันผลหรือสิทธิประโยชน์นั้นเช่นเดียวกัน แต่จะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจากผู้ออก DR ตามที่ระบุไว้ในสัญญารับฝาก (ถ้ามี) และภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราของประเทศนั้น ๆ โดยผู้ออก DR จะแปลงเงินปันผลเป็นเงินบาทและประกาศอัตราที่นักลงทุนจะได้รับ ซึ่งนักลงทุนไทยจะได้รับเงินปันผลหลัง “หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%” โดยมีสิทธิไม่นำเงินได้นั้นไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตอนสิ้นปี (Final Tax)
ขึ้นชื่อว่าการลงทุนแล้ว ย่อมต้องมีเรื่อง “ความเสี่ยง” ให้คอยระวัง ซึ่งความเสี่ยงของ DR ก็คล้าย ๆ กับการลงทุนในหุ้นที่ราคาของ DR สามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามสภาวะตลาด หากเราคาดการณ์ทิศทางราคาผิด และราคาตลาดลดลงต่ำกว่าต้นทุนที่เราซื้อมา ก็อาจทำให้ขาดทุนได้
และถึงแม้ว่าการลงทุนใน DR จะใช้เงินสกุลบาทในการซื้อขาย แต่ราคา DR จะผันผวนตามราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ปรับค่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนจึงต้องพิจารณาถึง “ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน” ควบคู่ไปกับการติดตามราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการลงทุนใน DR
ทั้งนี้ ราคา DR อาจจะแตกต่างจากราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการซื้อและความต้องการขาย (Demand & Supply) ของ DR ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงสภาวะแวดล้อมภายในประเทศอื่นๆ อีกด้วย
ด้วยการกระจายสัดส่วนการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น แถมยังสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ข้อดีเยอะแบบนี้ คงต้องมีติดพอร์ตไว้บ้างแล้ว